หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “อยากรวยต้องขายของจีน” แต่พอจะเริ่มต้นกลับไม่รู้จะเริ่มยังไง บางคนลองสั่งของออนไลน์ผ่าน Alibaba หรือ 1688 แล้วเจอปัญหาตามมามากมาย ทั้งของไม่ตรงปก คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ถูกโกงราคา หรือค่าขนส่งแพงจนไม่คุ้มทุน ความจริงแล้ว การบินไปเลือกซื้อของที่จีนด้วยตัวเอง ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังได้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคาดไว้เสียอีก
ไม่ว่าจะเป็นการได้จับสินค้าดูของจริง เช็คคุณภาพก่อนสั่ง ต่อรองราคาแบบหน้าเชิญหน้า ได้ราคาส่งที่ถูกกว่าออนไลน์ 30-50% สร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์โดยตรง และที่สำคัญ คือ ได้เห็นเทรนด์สินค้าใหม่ๆ ก่อนใคร ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจหลักล้านของคุณก็เป็นได้
คู่มือฉบับนี้ จะพาคุณไปทีละขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร วางแผนการเดินทาง ไปจนถึงการขนส่งสินค้ากลับมาขายที่เมืองไทย แม้คุณจะไม่เคยไปจีนมาก่อน ไม่เก่งภาษาจีน หรือไม่มีประสบการณ์นำเข้าสินค้า ก็สามารถทำตามได้ไม่ยาก เพราะเราได้รวบรวมประสบการณ์จากนักขายมืออาชีพหลายคน ที่เริ่มต้นจากศูนย์ จนมายืนอยู่บนจุดที่ทำยอดขายหลักล้านต่อเดือน พร้อมแล้วใช่ไหม มาเริ่มต้นการเดินทางสู่ความสำเร็จ ในธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนกันเลย
กำหนดเป้าหมาย และงบประมาณ
ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน หรือทำอะไรต่อ สิ่งแรกที่ต้องนั่งคิดให้ชัดเจน คือ “เราจะไปทำอะไรที่จีนกันแน่” หลายคนตื่นเต้นจนลืมวางแผน พอไปถึงจีนก็งงว่าจะเริ่มยังไง เดินดูของมั่วซั่วไปวันๆ สุดท้ายกลับมาแบบมือเปล่า หรือได้ของมาแต่ขายไม่ออก การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้ทริปของคุณคุ้มค่า และได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ตั้งเป้าหมายการเดินทาง
กำหนดประเภทสินค้าที่ต้องการ เริ่มจากการสำรวจตลาดในไทยก่อนว่าอะไรขายดี อะไรกำลังมาแรง หรือคุณถนัดขายอะไร ประเภทสินค้ายอดนิยมที่คนไทยนิยมไปหาที่จีน ได้แก่
- เสื้อผ้าแฟชั่น – กำไรดี อัพเดทเทรนด์ไว แต่ต้องมีความรู้เรื่องไซส์ และวัสดุ เหมาะกับคนที่ชอบแฟชั่น ติดตามเทรนด์อยู่แล้ว ทุนเริ่มต้นประมาณ 30,000-50,000 บาท
- กระเป๋า รองเท้า เครื่องหนัง – สินค้าพรีเมียม ราคาขายดี แต่ต้องดูคุณภาพให้ละเอียด ระวังเรื่องของก๊อปปี้ ทุนเริ่มต้น 40,000-80,000 บาท
- เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก – พัดลม เครื่องปั่น หูฟัง ลำโพง ขายง่ายแต่ต้องเช็คเรื่องมาตรฐาน มอก. ทุนเริ่มต้น 50,000-100,000 บาท
- ของใช้ในบ้าน ของตกแต่ง – ตลาดกว้าง ขายได้หลายช่องทาง แต่ขนส่งยาก ต้องคิดต้นทุนโลจิสติกส์ด้วย ทุนเริ่มต้น 30,000-60,000 บาท
- อุปกรณ์มือถือ Gadget – กำไรดี หมุนเร็ว แต่เทคโนโลยีเปลี่ยนไว ต้องตามเทรนด์ตลอด ทุนเริ่มต้น 20,000-50,000 บาท
ศึกษา MOQ (Minimum Order Quantity)
MOQ คือ จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำที่โรงงาน หรือร้านค้ากำหนด ซึ่งแต่ละประเภทสินค้าจะไม่เท่ากัน
- เสื้อผ้า : 20-50 ตัวต่อแบบต่อไซส์ (บางร้านขายปลีกได้ แต่ราคาจะสูงขึ้น 30-40%)
- กระเป๋า : 10-30 ใบต่อแบบ
- อิเล็กทรอนิกส์ : 10-100 ชิ้นต่อรุ่น
- ของใช้ทั่วไป : 1-3 โหลต่อแบบ
เคล็ดลับ : ทริปแรกควรเลือกสินค้าที่ MOQ ต่ำ ลงทุนไม่สูง เพื่อทดสอบตลาดก่อน พอขายดีค่อยกลับไปสั่งเพิ่ม
วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ต้องรู้ว่าจะขายให้ใคร ขายที่ไหน ขายยังไง
- ขายปลีก B2C – ผ่านออนไลน์ Facebook, Shopee, Lazada, TikTok Shop ต้องเน้นสินค้าที่มีจุดเด่น ถ่ายรูปสวย
- ขายส่ง B2B – ให้ร้านค้า ตลาดนัด ต้องมีปริมาณ ราคาต้องแข่งได้
- ขายตามออเดอร์ – รับ Pre-order ลดความเสี่ยงเรื่องสต๊อก แต่ต้องมีฐานลูกค้าที่ไว้ใจ
วางแผนงบประมาณ
การไปจีนครั้งแรก ควรเตรียมงบอย่างน้อย 50,000-80,000 บาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่ายการเดินทาง (Trip 5 วัน 4 คืน)
ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ
- สายการบินต้นทุน (AirAsia, Nok Air) : 6,000-9,000 บาท
- สายการบินปกติ (Thai Airways, China Southern) : 12,000-18,000 บาท
- จองล่วงหน้า 1-2 เดือนจะได้ราคาดี
ค่าที่พัก
- โรงแรม 3 ดาว ใกล้ตลาด : 800-1,200 บาท/คืน
- โรงแรม 4 ดาว : 1,500-2,500 บาท/คืน
- Airbnb (ถ้าไปหลายคน) : 2,000-3,500 บาท/คืน
- รวม 4 คืน : 3,200-10,000 บาท
ค่าอาหาร และเดินทางในจีน
- อาหาร : 300-500 บาท/วัน
- รถไฟใต้ดิน : 30-50 บาท/วัน
- แท็กซี่/DiDi : 200-500 บาท/วัน (แล้วแต่ระยะทาง)
- รวม 5 วัน : 2,500-5,000 บาท
ค่าวีซ่า และประกัน
- วีซ่าจีน : 1,800-2,500 บาท
- ประกันการเดินทาง : 500-1,500 บาท
งบสำหรับสั่งของ
นี่คือส่วนสำคัญที่สุด ควรเตรียมอย่างน้อย 30,000-50,000 บาท โดยแบ่งเป็น
- เงินสำหรับจ่าย Deposit (มัดจำ) : 30-50% ของยอดสั่งซื้อ
- เงินสำหรับซื้อของตัวอย่าง : 3,000-5,000 บาท (ซื้อกลับมาให้ลูกค้าดูก่อน)
- เงินสำรองต่อรองราคา : มีเงินสดจะต่อรองได้ดีกว่า
ค่าขนส่ง และภาษี
- ค่าขนส่งทางเรือ : 80-150 บาท/กก. (ใช้เวลา 15-20 วัน)
- ค่าขนส่งทางอากาศ : 180-300 บาท/กก. (ใช้เวลา 5-7 วัน)
- ภาษีนำเข้า : 0-30% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า
- VAT : 7% ของ (ราคาสินค้า + ภาษีนำเข้า)
- ควรสำรองงบส่วนนี้ไว้ 20-30% ของมูลค่าสินค้า
เงินสำรองฉุกเฉิน
สำคัญมาก ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 10,000-15,000 บาท สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น
- พลาดเที่ยวบิน ต้องซื้อตั๋วใหม่
- ป่วยต้องไปหาหมอ
- เจอของถูกใจเกินแผน อยากซื้อเพิ่ม
- ค่าขนส่งเกินคาด
ข้อควรระวัง
- อย่าใช้งบทั้งหมดในทริปแรก – เก็บไว้สั่งเพิ่มถ้าของขายด
- ระวังค่าใช้จ่ายแอบแฝง – ค่าแพ็ค ค่าป้ายแท็ก ค่าจัดส่งในจีน
- เผื่องบค่าขนส่ง และภาษี – มักจะสูงกว่าที่คิดไว้ 20-30%
- ซื้อของหลากหลาย – อย่าทุ่มงบกับสินค้าเดียว ทดสอบตลาดก่อน
การวางแผนที่ดี คือ การเริ่มต้นที่ดี เมื่อรู้แล้วว่าจะไปทำอะไร ใช้เงินเท่าไหร่ ขั้นตอนต่อไป คือ การเตรียมเอกสาร และยื่นวีซ่า ซึ่งต้องทำล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง
เตรียมเอกสาร และวีซ่า
หลายคนที่วางแผนไปจีน มักจะมองข้ามเรื่องนี้ คิดว่ายื่นวีซ่าง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน พอถึงเวลาจริงถึงกับอึ้ง เอกสารไม่ครบ ยื่นไม่ผ่าน หรือได้วีซ่ามา แต่ระยะเวลาไม่ตรงกับที่ต้องการ สุดท้ายต้องเลื่อนทริปเสียแผนทั้งหมด การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และถูกต้อง ตั้งแต่แรก จะช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย รวมถึงทำให้การเดินทางของคุณราบรื่น ตั้งแต่ต้นจนจบ
พาสปอร์ต – เอกสารสำคัญอันดับหนึ่ง
ตรวจสอบพาสปอร์ตของคุณ ก่อนอื่นต้องดูว่าพาสปอร์ตของคุณ
- มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันที่จะเดินทางกลับ (สำคัญมาก สายการบินจะไม่ให้ขึ้นเครื่อง ถ้าพาสปอร์ตหมดอายุใน 6 เดือน)
- มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า สำหรับประทับตราวีซ่า และตราเข้า-ออก
- สภาพสมบูรณ์ ไม่ฉีกขาด ไม่เปียกน้ำ รูป และตัวอักษรชัดเจน
ทำพาสปอร์ตใหม่ (ถ้าจำเป็น) ถ้าพาสปอร์ตไม่ผ่านเงื่อนไขข้างบน ต้องรีบทำใหม่
- สถานที่ : กรมการกงสุล (แจ้งวัฒนะ) หรือสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว (ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ)
- เอกสาร : บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน, พาสปอร์ตเล่มเก่า (ถ้ามี)
- ค่าธรรมเนียม : 1,000-1,500 บาท (แล้วแต่ประเภท)
- ระยะเวลา : ปกติ 5-7 วันทำการ, ด่วน 1-3 วัน (เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม)
เตรียมสำเนาเอกสาร สำคัญมาก ถ่ายสำเนาพาสปอร์ตไว้อย่างน้อย 5-6 ชุด เพราะ
- ใช้ยื่นวีซ่า 2 ชุด
- ใช้เช็คอินโรงแรม 1-2 ชุด
- พกติดตัวระหว่างเดินทาง 1 ชุด
- เก็บไว้ที่บ้านเผื่อฉุกเฉิน 1 ชุด
- Tips : ถ่ายรูปหน้าพาสปอร์ตเก็บไว้ในมือถือด้วย
วีซ่าจีน – ขั้นตอนที่หลายคนกลัว
(เริ่ม 1 มีนาคม 2024 ไม่ต้องใช้วีซ่าจีน) พร้อมส่งหน้าพาสปอร์ตที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือนนับจากวันที่จะเดินทางกลับรอบที่จะจองให้เจ้าหน้าที่ ทาง Line : @china4trip
เลือกประเภทวีซ่าให้เหมาะสม
วีซ่าท่องเที่ยว (L Visa) แนะนำสำหรับมือใหม่
- เหมาะกับการไปดูตลาด สำรวจสินค้า ติดต่อซัพพลายเออร์
- ยื่นง่าย เอกสารไม่ซับซ้อน
- ได้ 30-90 วัน (Single/Double Entry)
- ค่าธรรมเนียม : 1,800 บาท (Single), 2,700 บาท (Double)
วีซ่าธุรกิจ (M Visa)
- ต้องมีจดหมายเชิญจากบริษัทในจีน
- ยื่นยาก เอกสารเยอะ แต่ดูน่าเชื่อถือ
- ได้ 30-90 วัน หรือ Multiple Entry 6 เดือน-1 ปี
- ค่าธรรมเนียม : 1,800-5,400 บาท (แล้วแต่ประเภท)
ความลับที่ไม่ค่อยมีคนบอก : ทริปแรกๆ ใช้วีซ่าท่องเที่ยวไปเลย ไม่มีปัญหา ร้านค้าจีนไม่ได้สนใจว่า คุณถือวีซ่าอะไร ขอแค่ซื้อของเขาก็พอ
เอกสารยื่นวีซ่าท่องเที่ยว
เอกสารพื้นฐาน
- พาสปอร์ตตัวจริง + สำเนาหน้าแรก
- รูปถ่าย 2×2 นิ้ว พื้นหลังขาว 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
- ใบสมัครวีซ่า กรอกออนไลน์ที่ www.visaforchina.org แล้วปริ้นออกมา
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด
เอกสารสนับสนุน (เพิ่มโอกาสผ่าน)
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (จองแบบจ่ายทีหลังได้ ขอแค่ใบจองก็พอ)
- จองโรงแรม (Booking.com จองแล้วยกเลิกฟรีได้)
- Bank Statement ย้อนหลัง 3-6 เดือน (ยอดเงินคงเหลือ 50,000 บาท+)
- หนังสือรับรองการทำงาน (ถ้าเป็นพนักงาน) หรือ ทะเบียนการค้า (ถ้ามีกิจการ)
เอกสารสำหรับอาชีพอิสระ/ขายของออนไลน์
หลายคนที่ขายของออนไลน์ กังวลว่า จะยื่นวีซ่ายังไง ใช้เอกสารเหล่านี้
- Bank Statement ที่มีเงินเข้า-ออกสม่ำเสมอ
- ทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ถ้ามี)
- หน้าร้านค้าออนไลน์ ปริ้นมาแนบ
- จดหมายรับรองตนเอง อธิบายว่าทำอาชีพอะไร
ขั้นตอนการยื่นวีซ่า
วิธีที่ 1 : ยื่นด้วยตัวเอง (ประหยัดแต่เสียเวลา)
1. จองคิวออนไลน์ที่ www.visaforchina.org
2. กรอกใบสมัครออนไลน์ (ใช้เวลา 30-45 นาที)
3. พิมพ์เอกสารทั้งหมด
4. ไปยื่นที่ศูนย์รับยื่นวีซ่าจีน (Chinese Visa Application Service Center)
- กรุงเทพ : อาคารชุดจามจุรีสแควร์ ชั้น 15 (MRT สามย่าน)
- เชียงใหม่ : ถนนห้วยแก้ว
- เปิด จันทร์-ศุกร์ 09.00-15.00 น.
5. ชำระค่าธรรมเนียม (รับเฉพาะเงินสด)
6. รับใบนัด รอผล 4 วันทำการ
7. กลับไปรับพาสปอร์ต
วิธีที่ 2 : ผ่านตัวแทน (แพงขึ้น 800-1,500 แต่สะดวก)
- ส่งเอกสารให้ตัวแทน
- จ่ายเงิน รอ 5-7 วัน
- ได้พาสปอร์ต+วีซ่ากลับมา
- ตัวแทนที่นิยม : VFS Global, Tour Agency ทั่วไป, ร้านถ่ายรูปใกล้สถานทูต
วิธีที่ 3 : วีซ่าด่วน (แพงแต่ไว)
- Express Service : 2-3 วันทำการ (+1,350 บาท)
- Rush Service : 1 วันทำการ (+2,050 บาท)
- ต้องยื่นด้วยตัวเองเท่านั้น พร้อมเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน
Tips การยื่นวีซ่าให้ผ่านชัวร์
- กรอกข้อมูลให้ตรงกันทุกเอกสาร – ชื่อ-สกุล ที่อยู่ อาชีพ ต้องเหมือนกันทุกที่
- อย่าโกหก – ถ้าจับได้จะถูก Blacklist ยื่นวีซ่าไม่ผ่านอีกเลย
- แต่งตัวสุภาพ วันไปยื่น – First Impression สำคัญ
- Bank Statement ต้องดูดี – มีเงินเข้าออกสม่ำเสมอ ไม่ใช่โอนก้อนใหญ่มาวันเดียว
- จองโรงแรมแบบยกเลิกได้ – ยื่นวีซ่าผ่านแล้วค่อยเปลี่ยน
- อย่าบอกว่าไปซื้อของมาขาย ในใบสมัคร – ใส่ว่าไปท่องเที่ยว ดูวัฒนธรรม
- ถ้าเคยไปประเทศอื่น – แนบสำเนาวีซ่า/ตราประทับ จะดูน่าเชื่อถือ
เอกสารสำคัญอื่นๆ ที่ต้องเตรียม
นามบัตร (สำคัญมากในจีน)
คนจีนให้ความสำคัญกับนามบัตรมาก ถือเป็นมารยาททางธุรกิจ
- ทำ 2 ภาษา – หน้าไทย หลังอังกฤษ หรือจีน
- ใส่ WeChat ID – สำคัญมาก คนจีนใช้ WeChat เป็นหลัก
- ใส่เบอร์จีน – ถ้ามี (หรือเว้นไว้เขียนเพิ่มหน้างาน)
- พิมพ์ 100-200 ใบ – แจกทุกร้านที่เข้าไปดู
- ราคา : 500-1,000 บาท ที่ร้านถ่ายเอกสาร
ตัวอย่างข้อความภาษาจีน
- 泰国采购商 (Tàiguó cǎigòu shāng) = ผู้ซื้อจากไทย
- 寻找供应商 (Xúnzhǎo gōngyìng shāng) = กำลังหาซัพพลายเออร์
- 批发/零售 (Pīfā/língshòu) = ขายส่ง/ขายปลีก
จดหมายเชิญ (ถ้ามี)
ถ้ามีเพื่อน/คนรู้จักในจีน หรือติดต่อกับซัพพลายเออร์ไว้แล้ว ขอ Invitation Letter มาจะดีมาก
- ช่วยให้ยื่นวีซ่าผ่านง่ายขึ้น
- อาจได้วีซ่านานขึ้น (60-90 วัน แทนที่จะเป็น 30 วัน)
- ดูน่าเชื่อถือในสายตาเจ้าหน้าที่
เอกสารธุรกิจ (ถ้ามี)
พกไปด้วยเผื่อซัพพลายเออร์ขอดู
- ทะเบียนการค้า / ทะเบียนพาณิชย์
- ตัวอย่างสินค้าที่เคยขาย (รูปถ่าย)
- Portfolio ร้านค้า / หน้าร้านออนไลน์
- ใบรับรองมาตรฐาน (ถ้าต้องการสินค้าที่มี อย. มอก.)
เอกสารสำรอง (เก็บไว้ในมือถือ)
- สแกนพาสปอร์ต + วีซ่า
- บัตรประชาชน
- ใบจองโรงแรม
- ตั๋วเครื่องบิน
- ประกันการเดินทาง
- เบอร์โทรฉุกเฉิน (สถานกงสุลไทย, โรงแรม, สายการบิน)
Timeline การเตรียมเอกสาร
6 สัปดาห์ก่อนเดินทาง
- เช็คพาสปอร์ต ทำใหม่ถ้าจำเป็น
- เริ่มเก็บ Bank Statement
4 สัปดาห์ก่อนเดินทาง
- จองตั๋วเครื่องบิน
- จองโรงแรม (แบบยกเลิกได้)
- ขอหนังสือรับรองการทำงาน
3 สัปดาห์ก่อนเดินทาง
- กรอกใบสมัครวีซ่าออนไลน์
- จองคิวยื่นวีซ่า
- สั่งทำนามบัตร
2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง
- ยื่นวีซ่า
- ซื้อประกันการเดินทาง
1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง
- รับพาสปอร์ต + วีซ่า
- ถ่ายสำเนาเอกสารทั้งหมด
- รับนามบัตร
ข้อควรระวัง และปัญหาที่เจอบ่อย
1. วีซ่าไม่ผ่าน – สาเหตุหลัก
- Bank Statement น้อยเกินไป (ควรมี 50,000+)
- กรอกข้อมูลไม่ตรงกัน
- รูปถ่ายไม่ได้มาตรฐาน (พื้นหลังไม่ขาว, ใส่แว่น)
- มีประวัติเคยถูกปฏิเสธวีซ่า
2. ได้วีซ่าแต่ระยะเวลาสั้น
- ขอ 30 วัน ได้ 15 วัน
- วิธีแก้ : ยื่นใหม่ในครั้งต่อไป พร้อมหลักฐานการเดินทางครั้งก่อน
3. ลืมเอกสารวันยื่น
- ต้องจองคิวใหม่ เสียเวลาอีก 3-5 วัน
- วิธีป้องกัน : ทำ Checklist เช็คก่อนออกจากบ้าน
4. นามบัตรสะกดชื่อผิด
- ร้านพิมพ์ผิดบ่อยมาก โดยเฉพาะภาษาจีน
- วิธีป้องกัน : ขอดู Proof ก่อนพิมพ์จริง
การเตรียมเอกสารให้พร้อม คือ การสร้างความมั่นใจให้กับการเดินทาง เมื่อมีวีซ่าในมือแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การเลือกเมือง และตลาดที่จะไปให้ตรงกับสินค้าที่เราต้องการ ซึ่งแต่ละเมืองจะมีจุดเด่นต่างกัน มาดูกันว่าควรเลือกไปเมืองไหนดี
เลือกเมือง และตลาดเป้าหมาย
“ไปจีนดีแต่จะไปเมืองไหน” คำถามที่มือใหม่ทุกคนต้องเจอ จีนมีตลาดค้าส่งมากมาย แต่ละแห่งมีจุดเด่นต่างกัน ไปผิดที่ผิดเวลาอาจเสียเที่ยวเปล่า หรือบางคนไปถูกที่แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตลาดไหนก่อน เดินจนหลงทาง เสียเวลาทั้งวัน ได้ของไม่กี่อย่าง บทนี้จะพาไปรู้จัก 3 เมืองหลักที่คนไทยนิยมไป พร้อมแนะนำตลาดสำคัญ วิธีการเดินทาง และเทคนิคการเดินตลาดอย่างมืออาชีพ
เมืองยอดนิยม สำหรับหาของ
กว่างโจว (Guangzhou) – ราชาแห่งแฟชั่น และเครื่องหนัง
กว่างโจวเป็นเมืองที่คนไทย 70% เลือกไปเป็นที่แรก เพราะบินตรงได้ ใกล้ไทย และมีสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะเสื้อผ้าแฟชั่นที่อัพเดทเทรนด์ไวมาก
ตลาดเสื้อผ้าสำคัญ
1. Shahe Market (沙河服装批发市场)
- ขายอะไร : เสื้อผ้าสตรีราคาถูก ชุดเดรส เสื้อยืด กางเกงยีนส์
- ราคา : ถูกมาก เสื้อเริ่มต้น 15-30 หยวน (75-150 บาท)
- MOQ : 3-5 ตัวต่อแบบ บางร้านขายปลีกได้
- การเดินทาง : MRT สาย 6 สถานี Shahe
- เวลาเหมาะสม : 9.00-17.00 น. (เช้าคนน้อย ต่อรองง่าย)
- Tips : ตึกใหม่ (ตึก B, C) สินค้าดีกว่าตึกเก่า อย่าลืมเช็คตะเข็บ
2. Baima Market (白马服装市场)
- ขายอะไร : เสื้อผ้าคุณภาพดี แบรนด์จีนชื่อดัง ชุดทำงาน
- ราคา : กลาง-สูง 50-200 หยวน (250-1,000 บาท)
- MOQ : 5-10 ตัว หรือซื้อเป็นแพ็ค
- การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ Guangzhou Railway Station
- เวลาเหมาะสม : 9.00-18.00 น.
- Tips : ชั้น 1-3 ขายปลีก ชั้น 4 ขึ้นไปขายส่ง ราคาต่างกัน 30%
3. UUS (又一城) – ตลาดคนไทยนิยมมาก
- ขายอะไร : เสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ของแต่งร้าน อุปกรณ์ถ่ายรูป
- ราคา : ปานกลาง 40-150 หยวน
- MOQ : 2-3 ชิ้น ยืดหยุ่นมาก
- การเดินทาง : แท็กซี่จาก Baima 15 นาที
- Tips : มีคนไทยเดินเยอะ บางร้านพูดไทยได้นิดหน่อย
4. Sanyuanli Market (三元里皮具城) – อาณาจักรกระเป๋า
- ขายอะไร : กระเป๋าทุกประเภท กระเป๋าสตางค์ เข็มขัด
- ราคา : 30-500 หยวน แล้วแต่คุณภาพ
- MOQ : 5-10 ใบ (ขายปลีกแพงขึ้น 50%)
- การเดินทาง : MRT สาย 2 สถานี Sanyuanli
- ข้อควรระวัง : ระวังกระเป๋า Hiend ก๊อป อาจมีปัญหาตอนกลับไทย
จุดเด่นกว่างโจว
- บินตรงจากไทย 2.5 ชม. มีหลายสายการบิน
- มีตลาดเสื้อผ้าใหญ่ที่สุด อัพเดทแฟชั่นไว
- คนไทยไปเยอะ หาข้อมูลง่าย
- กินอยู่สะดวก มีอาหารกวางตุ้งอร่อย
จุดด้อย
- คนเยอะมาก แย่งของกัน
- ภาษาเป็นปัญหา พูดอังกฤษไม่ค่อยได้
- อากาศไม่ค่อยดี ฝุ่น PM2.5 สูง
อี้อู (Yiwu) – โลกแห่งของเล็กของน้อย
อี้อูมีตลาดค้าส่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมของใช้เบ็ดเตล็ดไว้ที่เดียว เหมาะกับคนที่ต้องการความหลากหลาย
Yiwu International Trade Market (义乌国际商贸城)
ตลาดนี้ใหญ่มาก แบ่งเป็น 5 Districts รวมกว่า 75,000 ร้านค้า
District 1 : ของเล่น ของตกแต่งปีใหม่
- ชั้น 1 : ของเล่นเด็ก ตุ๊กตา โมเดล
- ชั้น 2 : เครื่องประดับ Accessories ราคาถูก
- ชั้น 3 : ดอกไม้ประดิษฐ์ ของตกแต่งงานแต่ง
- ชั้น 4 : ของขวัญ ของที่ระลึก
District 2 : กระเป๋า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
- ชั้น 1 : กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเป้
- ชั้น 2 : ร่ม หมวก ผ้าพันคอ
- ชั้น 3 : เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ก่อสร้าง
- ชั้น 4 : นาฬิกา แว่นตา
District 3 : เครื่องเขียน เครื่องสำอาง
- ชั้น 1 : เครื่องเขียน อุปกรณ์ออฟฟิศ
- ชั้น 2 : เครื่องสำอาง อุปกรณ์เสริมสวย
- ชั้น 3 : ของใช้ในครัว ภาชนะพลาสติก
District 4 : ถุงเท้า ชุดชั้นใน
- ชั้น 1-2 : ถุงเท้าทุกแบบ (ขายเป็นโหล)
- ชั้น 3 : ชุดชั้นใน ชุดนอน
District 5 : สินค้านำเข้า
- สินค้าจากเกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย แอฟริกา
- ราคาสูงกว่า District อื่น แต่ของแปลกดี
การเดินทาง
- บินจาก กว่างโจว/เซี่ยงไฮ้ ต่อรถไฟ หรือรถบัส 2-3 ชม.
- ในเมืองใช้แท็กซี่ หรือ DiDi สะดวกที่สุด
- ตลาดแต่ละ District ห่างกัน ต้องนั่งรถ
Tips เดินตลาด Yiwu
- ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน – ตลาดใหญ่มาก วันเดียวเดินไม่ทัน
- เช่า Translator/Guide – 500-800 หยวน/วัน คุ้มมาก
- ขอนามบัตรทุกร้าน – จะได้ติดต่อสั่งเพิ่มทีหลัง
- MOQ สูง – ส่วนใหญ่ขายเป็นโหล เป็นลัง
- เตรียมรถเข็น – เช่าที่ตลาด 20 หยวน ลากของสะดวก
จุดเด่นอี้อู
- ครบทุกอย่างในที่เดียว
- ราคาถูกมาก ยิ่งซื้อเยอะยิ่งถูก
- มี Shipping Agent เยอะ ส่งของสะดวก
- ร้านค้าเปิดทุกวัน (ยกเว้นช่วงตรุษจีน)
จุดด้อย
- เดินทางลำบาก ต้องต่อเครื่อง/รถ
- MOQ สูง ไม่เหมาะมือใหม่ทุนน้อย
- เมืองเล็ก ไม่มีอะไรทำนอกจากช้อปปิ้ง
เซินเจิ้น (Shenzhen) – ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย
เมืองแห่งเทคโนโลยี และนวัตกรรม ติดฮ่องกง ทันสมัยที่สุดในจีน
Huaqiangbei Electronics Market (华强北电子市场)
ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทุกอย่างตั้งแต่ชิ้นส่วนจนถึงสินค้าสำเร็จรูป
SEG Plaza (赛格广场)
- ชั้น 1-3 : มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์เสริม
- ชั้น 4-6 : คอมพิวเตอร์ notebook อะไหล่
- ชั้น 7-9 : กล้องวงจรปิด โดรน smart home
- ชั้น 10-12 : ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ LED
Huaqiang Electronic World (华强电子世界)
- Building 1 : หูฟัง ลำโพง เครื่องเสียง
- Building 2 : Power bank สายชาร์จ อุปกรณ์มือถือ
- Building 3 : Gaming gear คีย์บอร์ด เมาส์
Tips ซื้อของที่ Huaqiangbei
- ทดสอบของทุกชิ้น – ขอเปิดเครื่องดูการทำงาน
- เช็คประกัน – ของแท้มีประกัน ของก๊อปไม่มี
- ซื้อเป็น Lot – ถูกกว่าซื้อแยกชิ้น 40-50%
- ระวัง Refurbished – โทรศัพท์มือสองทำใหม่ ดูเหมือนของใหม่
- หา Supplier จริง – อย่าซื้อกับพ่อค้าคนกลาง
จุดเด่นเซินเจิ้น
- ของ IT ครบ ราคาถูก อัพเดทไว
- เมืองทันสมัย สะอาด ระบบขนส่งดี
- ใกล้ฮ่องกง ไปเที่ยวต่อได้
- Startup เยอะ มีของ Innovative
จุดด้อย
- ค่าครองชีพสูง โรงแรมแพง
- แข่งขันสูง ต้องมีความรู้ด้าน Tech
- ของปลอมเยอะ ต้องระวัง
การเลือกตลาดที่เหมาะกับสินค้าที่ต้องการ
ตารางเปรียบเทียบ : เลือกเมืองไหนดี
ประเภทสินค้า | กว่างโจว | อี้อู | เซินเจิ้น |
---|---|---|---|
เสื้อผ้าแฟชั่น | ⭐⭐⭐⭐ | ⭐ | ⭐ |
กระเป๋า/รองเท้า | ⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐ | ⭐ |
ของใช้ในบ้าน | ⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐⭐⭐ | ⭐ |
เครื่องใช้ไฟฟ้า | ⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐⭐⭐ |
ของเล่น/ของขวัญ | ⭐⭐ | ⭐⭐⭐⭐⭐ | ⭐ |
อุปกรณ์ IT | ⭐⭐ | ⭐⭐ | ⭐⭐⭐⭐⭐ |
เครื่องสำอาง | ⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐ | ⭐⭐ |
ราคา | ถูก-กลาง | ถูกมาก | กลาง-แพง |
MOQ | ต่ำ-กลาง | สูง | กลาง |
การเดินทาง | ง่าย | ปานกลาง | ง่าย |
เส้นทางแนะนำสำหรับมือใหม่
Plan A : ทริปเดียวเที่ยว 2 เมือง (5 วัน)
- วันที่ 1-3 : กว่างโจว (เสื้อผ้า กระเป๋า)
- วันที่ 4-5 : เซินเจิ้น (อุปกรณ์ IT)
- เดินทางโดยรถไฟเร็ว 30 นาที
Plan B : Focus เมืองเดียว (4 วัน)
- เลือกเมืองตามสินค้าหลักที่ต้องการ
- มีเวลาดูของละเอียด ต่อรองได้ดีกว่า
- เหมาะกับมือใหม่ ไม่สับสน
Plan C : ทัวร์ครบ 3 เมือง (7 วัน)
- วันที่ 1-2 : กว่างโจว
- วันที่ 3-5 : อี้อู
- วันที่ 6-7 : เซินเจิ้น
- เหมาะกับคนที่ต้องการ Survey ตลาด
เทคนิคการเดินตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนไปตลาด
- ดู Google Maps ศึกษาแผนที่ตลาด วางแผนเส้นทางเดิน
- ทำ Shopping List เขียนรายการสินค้าที่ต้องการ
- เตรียมคำถาม ราคา MOQ เวลาผลิต ค่าขนส่ง
- แต่งตัวสบายๆ รองเท้าผ้าใบ กระเป๋าสะพายข้าง
- พกอุปกรณ์ Power bank, ปากกา, สมุดโน้ต, นามบัตร
ระหว่างเดินตลาด
- ถ่ายรูปทุกอย่าง ร้าน สินค้า ป้ายราคา นามบัตร
- จดบันทึกทันที ร้านไหน ขายอะไร ราคาเท่าไหร่
- อย่าแสดงความตื่นเต้น ทำตัวเหมือนซื้อประจำ
- เดินดูให้ทั่วก่อน อย่าเพิ่งซื้อร้านแรกที่เจอ
- Add WeChat ทุกร้าน จะได้ติดต่อทีหลัง
หลังเดินตลาด
- Review รูปและโน้ต จัดหมวดหมู่ เปรียบเทียบราคา
- ติดต่อ Supplier ส่งข้อความทาง WeChat ขอใบเสนอราคา
- ตัดสินใจ เลือก 3-5 ร้านที่ดีที่สุด
- นัดดูของอีกรอบ ก่อนตัดสินใจสั่ง
เคล็ดลับจากผู้มีประสบการณ์
“อย่าไปเมืองเดียว แต่อย่าไปเยอะเกินไป” ทริปแรกควรไป 2 เมือง จะได้เห็นความแตกต่าง และมีตัวเลือกในการเปรียบเทียบ
ไปช่วงไหนดีที่สุด
- เลี่ยงตรุษจีน (ร้านปิด 2 สัปดาห์)
- เลี่ยง Golden Week (1-7 ต.ค.)
- ช่วงดี : มีนา-พฤษภา, กันยา-พฤศจิกา
“ซื้อตัวอย่างกลับมาก่อน” อย่าสั่งเยอะทีแรก ซื้อตัวอย่าง 1-2 ชิ้น กลับมาให้ลูกค้าดู ถ้า Feedback ดีค่อยสั่งเพิ่ม
“หา Local Guide คุ้มกว่าที่คิด” จ่าย 500-800 หยวน/วัน ได้ล่าม ได้คนพาไปร้านดีๆ ต่อรองให้ ประหยัดเวลามาก
ข้อควรระวัง
- ระวังของปลอม – โดยเฉพาะแบรนด์ดัง อาจติดปัญหาศุลกากร
- เช็คคุณภาพ – ดูตะเข็บ ซิป กระดุม ทดสอบการใช้งาน
- ถามเรื่องวัสดุ – ผ้าอะไร หนาแค่ไหน ย่นง่ายไหม
- ขอดูสินค้า Lot จริง – อย่าดูแค่ตัวอย่าง อาจต่างกัน
- ยืนยันเวลาผลิต – ถ้าสั่งเยอะ อาจใช้เวลา 15-30 วัน
การเลือกเมือง และตลาดที่เหมาะสม คือ กุญแจสู่ความสำเร็จ เมื่อรู้แล้วว่าจะไปไหน ขั้นตอนต่อไป คือ การจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก ซึ่งถ้าจองถูกวิธีจะประหยัดเงินได้เยอะ มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง
จองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก
“จองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรม แค่ไหน ถึงจะเรียกว่าถูก” หลายคนจองแพงเกินจำเป็น บางคนจองถูกแต่ได้เวลาแย่ๆ หรือที่พักอยู่ไกลจากตลาด ต้องเสียค่าแท็กซี่วันละพันกว่าบาท คิดดูแล้วไม่คุ้ม การจองตั๋ว และที่พักอย่างชาญฉลาด จะช่วยประหยัดงบไปซื้อของได้เพิ่มขึ้นอีก 30-40% มาดูเทคนิคการจองแบบมืออาชีพกัน
เครื่องบิน – จองยังไงให้ได้ราคาดี
สายการบินยอดนิยมสำหรับไปจีน
สายการบิน Low Cost (งบประหยัด)
1. AirAsia (ไทยแอร์เอเชีย)
- เส้นทาง : กรุงเทพ-กว่างโจว, กรุงเทพ-เซินเจิ้น, กรุงเทพ-มาเก๊า
- ราคา : 3,500-6,000 บาท (ไป-กลับ ไม่รวมน้ำหนัก)
- น้ำหนัก : สัมภาระถือขึ้นเครื่อง 7 กก. / โหลดเพิ่ม 20 กก. = 1,600 บาท
- ข้อดี : ถูก, บินตรง, มีโปรบ่อย
- ข้อเสีย : ไม่มีอาหาร, ที่นั่งแคบ, Delay บ่อย
- Tips : จองช่วง Big Sale (มี.ค., ก.ย., พ.ย.) ได้ราคา 1,999 บาท
2. Nok Air / Scoot
- เส้นทาง : ต้องต่อเครื่องที่สิงคโปร์ หรือฮ่องกง
- ราคา : 5,000-8,000 บาท (รวมต่อเครื่อง)
- ข้อดี : มีเวลาบินหลายรอบ
- ข้อเสีย : เสียเวลาต่อเครื่อง 3-5 ชม.
3. Spring Airlines (สปริงแอร์ไลน์)
- เส้นทาง : กรุงเทพ-เซี่ยงไฮ้ (ต่อไปกว่างโจว/เซินเจิ้น)
- ราคา : 4,000-7,000 บาท
- ข้อดี : สายการบินจีน ราคาถูก
- ข้อเสีย : พนักงานพูดอังกฤษไม่ค่อยได้
สายการบิน Full Service (เต็มรูปแบบ)
1. Thai Airways
- เส้นทาง : บินตรงไปเมืองใหญ่ๆ ได้หมด
- ราคา : 12,000-18,000 บาท
- น้ำหนัก : 30 กก. (Economy)
- ข้อดี : บริการดี, มีอาหาร, ตรงเวลา, น้ำหนักเยอะ
- ข้อเสีย : แพง
2. China Southern Airlines
- ราคา : 8,000-14,000 บาท
- น้ำหนัก : 23 กก. x 2 ใบ
- ข้อดี : ราคากลางๆ, น้ำหนักเยอะ, เครือข่ายใหญ่ในจีน
- ข้อเสีย : อาหารไม่ค่อยอร่อย, บริการพอใช้
3. Cathay Pacific (ผ่านฮ่องกง)
- ราคา : 10,000-16,000 บาท
- ข้อดี : บริการดีมาก, ฮ่องกงเป็น Hub ต่อไปไหนก็ได้
- ข้อเสีย : ต้องต่อเครื่อง, แพงกว่าบินตรง
เทคนิคจองตั๋วให้ได้ราคาดีที่สุด
1. จังหวะทองในการจอง
- จองล่วงหน้า 6-8 สัปดาห์ ราคาดีที่สุด
- อังคาร-พุธ ราคาถูกกว่า ศุกร์-อาทิตย์
- บินวันธรรมดา ถูกกว่าสุดสัปดาห์ 30-40%
- เลี่ยง Long Weekend และช่วงเทศกาล
2. เว็บไซต์เปรียบเทียบราคา
- Skyscanner – ดูราคาทั้งเดือน เลือกวันถูกสุด
- Google Flights – ดู Price Trend ว่าควรรอ หรือจองเลย
- Momondo – หาเที่ยวบินแปลกๆ ราคาถูก
- สายการบินโดยตรง – บางทีถูกกว่า Agent
3. เทคนิค Hacker Fare
- จองขาไป-ขากลับ คนละสายการบิน
- เช่น ไป AirAsia กลับ Scoot
- ประหยัดได้ 20-30%
- แต่ระวังเรื่องเวลาต่อเครื่อง
4. Error Fare & Promotion
- Follow Page : Secret Flying, The Flight Deal
- สมัคร Newsletter สายการบิน
- ตั้ง Price Alert ใน Skyscanner
- พร้อมจองทันที เมื่อเจอราคาดี
5. เลือกเวลาบินอย่างชาญฉลาด
เวลาบิน | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะกับ |
---|---|---|---|
เช้าตรู่ (05.00-07.00) | ถูกมาก, ถึงเร็วได้เที่ยวได้ทั้งวัน | ต้องตื่นเช้า, การเดินทางลำบาก | คนงบน้อย |
สาย (09.00-12.00) | สบาย, ถึงบ่าย เที่ยวได้ | ราคาแพง | คนชอบสบาย |
บ่าย (14.00-17.00) | ราคาปานกลาง | ถึงค่ำ เสียเวลา 1 วัน | ทั่วไป |
ดึก (22.00-24.00) | ถูก, นอนบนเครื่อง | ถึงดึก หาที่พักยาก | คนชอบประหยัด |
น้ำหนักกระเป๋า และการเตรียมตัว
กลยุทธ์น้ำหนักกระเป๋า
- ขาไป : ใส่กระเป๋าเบาๆ เผื่อน้ำหนักขากลับ
- ขากลับ : ซื้อน้ำหนักเพิ่ม หรือส่งของทาง Cargo
- ถือขึ้นเครื่อง : ของมีค่า เอกสาร ตัวอย่างสินค้าเล็กๆ
- Overweight Hack : ใส่เสื้อหนาๆ กระเป๋ามีช่องเยอะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ตาชั่งกระเป๋าพกพา (ซื้อที่ Lazada 200 บาท)
- ถุง Vacuum สูญญากาศ (ประหยัดพื้นที่ 50%)
- กระเป๋าพับได้ (สำรองขากลับ)
- Bubble Wrap (ห่อของแตกง่าย)
ที่พัก – Location คือ ทุกอย่าง
ประเภทที่พัก และราคา
1. โรงแรมใกล้ตลาด (แนะนำ)
- ข้อดี : เดินไปตลาดได้ ประหยัดค่าเดินทาง
- ข้อเสีย : แพงกว่า 20-30%
- ราคา : 1,200-2,500 บาท/คืน
- Tips : คุ้มค่าถ้าคิดรวมค่าแท็กซี่
2. โรงแรมใกล้ MRT/รถไฟใต้ดิน
- ข้อดี : เดินทางสะดวก ราคาปานกลาง
- ข้อเสีย : ต้องขนของขึ้นรถไฟ
- ราคา : 800-1,500 บาท/คืน
- Tips : เลือกสถานีที่มีลิฟต์
3. Airbnb (ถ้าไปหลายคน)
- ข้อดี : มีครัว ซักผ้าได้ อยู่ได้หลายคน
- ข้อเสีย : Check-in ยุ่งยาก ไม่มี Service
- ราคา : 2,000-4,000 บาท/คืน (ทั้งห้อง)
- Tips : อ่านรีวิวให้ดี ดูระยะทางจากตลาด
โรงแรมแนะนำในแต่ละเมือง
กว่างโจว
1. Guangzhou Baiyun Hotel
- ใกล้ Baima Market เดิน 5 นาที
- ราคา : 1,800-2,500 บาท
- มีห้องเก็บของให้ฝาก
- พนักงานพูดอังกฤษได้
2. Victory Hotel
- ใกล้สถานีรถไฟ กว่างโจว
- ราคา : 1,200-1,800 บาท
- ใกล้ตลาดเสื้อผ้าหลายแห่ง
3. Ibis Guangzhou
- ใกล้ MRT ราคาประหยัด
- ราคา : 800-1,200 บาท
- มาตรฐาน Ibis ทั่วโลก
อี้อู
1. Yiwu International Mansion Hotel
- ติดตลาด District 1
- ราคา : 1,500-2,200 บาท
- มี Shuttle Bus ไปตลาด
2. Yiwu Marriott Hotel
- ห่างตลาด 10 นาที
- ราคา : 2,500-3,500 บาท
- หรูหรา บริการดี
เซินเจิ้น
1. Vienna Hotel Huaqiangbei
- ใกล้ตลาด IT เดิน 3 นาที
- ราคา : 1,300-1,800 บาท
- Value for Money ดีมาก
2. Novotel Shenzhen
- ใกล้ MRT
- ราคา : 2,200-3,000 บาท
- มาตรฐานสากล
แพลตฟอร์มจองที่พัก
1. Booking.com
- ข้อดี : ยกเลิกฟรี, รีวิวเยอะ
- ข้อเสีย : ราคาแพงกว่าจองตรง 10%
- Tips : จองแบบ “จ่ายที่โรงแรม”
2. Agoda
- ข้อดี : มีโปรบ่อย, คนไทยใช้เยอะ
- ข้อเสีย : ยกเลิกยาก, ต้องจ่ายล่วงหน้า
- Tips : ใช้ Code ลด 8-10%
3. Trip.com (Ctrip)
- ข้อดี : โรงแรมจีนครบ ราคาถูกสุด
- ข้อเสีย : Interface ใช้ยาก
- Tips : ลงแอพภาษาจีน ราคาถูกกว่า
4. จองตรงกับโรงแรม
- ข้อดี : ได้ราคา Corporate ถูก 20-30%
- ข้อเสีย : ต้องโทร/อีเมล ใช้ภาษาอังกฤษ/จีน
- Tips : บอกว่ามาเป็นกลุ่ม ขอราคาพิเศษ
เทคนิคจองที่พักแบบประหยัด
1. Walk-in Rate
- ไปถึงแล้วเดินเข้าไปถาม
- ต่อรองได้ ถูกกว่าออนไลน์ 30%
- เสี่ยงไม่มีห้อง (ช่วง High Season)
2. จองระยะยาว
- พัก 4 คืนขึ้นไป ได้ส่วนลด
- ขอ Late Check-out ฟรี
- อาจได้ Upgrade ห้อง
3. จองผ่าน WeChat
- Add Official Account ของโรงแรม
- มีโปรสำหรับคนจีน ถูกมาก
- จ่ายผ่าน Alipay/WeChat Pay
4. Corporate Rate
- ใช้นามบัตรบริษัท
- บอกว่ามาติดต่อธุรกิจ
- ได้ส่วนลด 15-25%
ข้อควรระวังในการจอง
1. ตั๋วเครื่องบิน
- อ่าน Fine Print (น้ำหนัก เวลา Change)
- เช็ควันหมดอายุพาสปอร์ต
- พิมพ์ชื่อให้ตรงกับพาสปอร์ต
- ซื้อประกันการเดินทาง
2. โรงแรม
- ขอห้องที่มีหน้าต่าง (จีนชอบให้ห้องไม่มีหน้าต่าง)
- เช็คว่ารวมอาหารเช้าไหม
- ถามเรื่อง Deposit (มักขอ 500-1000 หยวน)
- บางโรงแรมไม่รับชาวต่างชาติ
3. Scam ที่พบบ่อย
- เว็บปลอมขายตั๋วถูกมาก
- โรงแรมเก็บเงินเพิ่มหน้างาน
- Booking ถูกยกเลิกไม่แจ้ง
- ราคาไม่รวม Tax & Service Charge
Checklist ก่อนจอง
ตั๋วเครื่องบิน
- เปรียบเทียบราคาอย่างน้อย 3 เว็บ
- เช็คน้ำหนักสัมภาระ
- ดูรีวิวสายการบิน
- เช็ควันเวลาขากลับ
- พิจารณาซื้อประกัน หรือไม่
ที่พัก
- ระยะทางจากตลาดเป้าหมาย
- ใกล้ MRT หรือไม่
- อ่านรีวิวล่าสุด (ไม่เกิน 6 เดือน)
- มีตู้นิรภัยในห้องไหม
- ดูรูปห้องจริงจาก Review
การจองตั๋ว และที่พักที่ดี ช่วยให้ทริปราบรื่น ประหยัดเงิน และเวลา เมื่อจองเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การเตรียมเงิน และระบบการชำระเงิน เพราะในจีนเขาแทบไม่ใช้เงินสดแล้ว ถ้าไม่เตรียมตัวไปจะลำบากมาก
เตรียมเงิน และระบบการชำระเงิน
“พกเงินสดไปเยอะๆ สิ จ่ายง่าย” ถ้าคุณยังคิดแบบนี้ เตรียมตัวช็อกได้เลย จีนปี 2025 แทบไม่มีใครใช้เงินสดแล้ว แม้แต่ร้านข้าวริมทางก็สแกน QR Code จ่ายเงิน หลายคนไปถึงแล้วจ่ายเงินไม่ได้ ซื้อของไม่ได้ ต้องวิ่งหาคนช่วย สุดท้ายโดนขายแพง เพราะไม่มีทางเลือก บทนี้ จะมาเปิดโลกการเงินดิจิทัลของจีน พร้อมสอนวิธี Setup ทุกอย่างให้พร้อมก่อนไป รับรองว่าจ่ายเงินลื่นไหลเหมือนคนจีน
สกุลเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน
ทำความรู้จักเงินหยวน (人民币)
เงินจีนมีชื่อเรียกหลายแบบ แต่หมายถึงอย่างเดียวกัน
- RMB (Renminbi) = สกุลเงินจีน
- CNY (Chinese Yuan) = รหัสสากล
- 元 (Yuan) = หน่วยนับ คล้าย “บาท”
- 块 (Kuai) = ภาษาพูด คล้าย “บาท” ของไทย
อัตราแลกเปลี่ยน (ประมาณ)
- 1 หยวน = 5 บาท (ขึ้นลงตามตลาด)
- วิธีคิดง่ายๆ : ราคาหยวน x 5 = ราคาบาท
- เช็คอัตราจริง : www.xe.com หรือ Google “CNY to THB”
ที่แลกเงินแต่ละแห่ง ได้เรทต่างกันมาก
1. Super Rich (แนะนำ)
- เรท : ดีที่สุด
- สาขา : ประตูน้ำ, สีลม, เซ็นทรัล, สนามบิน
- Tips : สาขาในเมืองเรทดีกว่าสนามบิน 2-3%
- เอกสาร : ใช้แค่บัตรประชาชน
2. ธนาคารไทย
- เรท : แพงกว่า Super Rich 3-5%
- ข้อดี : มั่นใจ ธนบัตรสภาพดี
- ข้อเสีย : คิว, เอกสารเยอะ
- Tips : กสิกร, ไทยพาณิชย์ เรทดีกว่าธนาคารอื่น
3. สนามบิน (สุวรรณภูมิ/ดอนเมือง)
- เรท : แพงที่สุด
- ข้อดี : สะดวก เปิด 24 ชม.
- ข้อเสีย : แพงกว่าในเมือง 5-8%
- Tips : แลกแค่พอใช้ฉุกเฉิน 500-1000 หยวน
4. แลกในจีน
- ธนาคารจีน : เรทดี แต่คิว ใช้พาสปอร์ต
- โรงแรม : สะดวก แต่เรทแย่มาก
- ร้านแลกเงิน : หายาก ระวังโดนโกง
- ATM : ใช้บัตร Debit ถอนหยวน (ค่าธรรมเนียม 220 บาท/ครั้ง)
จำนวนเงินสดที่ควรพก
สูตรคำนวณ
- ค่าใช้จ่ายรายวัน x จำนวนวัน x 30%
- เช่น 1,000 หยวน/วัน x 5 วัน x 30% = 1,500 หยวน
- ที่เหลือใช้ Digital Payment
แนะนำพก
- เงินสด : 2,000-3,000 หยวน (10,000-15,000 บาท)
- แบงค์ย่อย : 100, 50, 20, 10 หยวน
- เหรียญ : 1 หยวน (ใช้รถเมล์ ตู้น้ำ)
- ใส่ซองแดง : ถ้าให้ทิป หรือต่อรองเป็นเงินสด
ที่ใช้เงินสดได้
- ร้านเล็กๆ ในตลาดนัด
- แท็กซี่เก่าๆ (แต่หายาก)
- ค่าทิปโรงแรม
- ฉุกเฉิน Internet ล่ม
ระบบชำระเงินในจีน – Digital หรือตาย
Alipay (支付宝) – ต้องมี
Alipay คือ Digital Wallet อันดับ 1 ของจีน ใช้ได้ทุกที่ ตั้งแต่ห้างหรูถึงรถเข็นข้างทาง
วิธี Setup Alipay สำหรับชาวต่างชาติ
Step 1 : Download & Register
- โหลดแอพ Alipay (ภาษาอังกฤษมี)
- สมัครด้วยเบอร์มือถือไทย (+66)
- ตั้ง Password 6 หลัก
- ยืนยันตัวตนด้วย Passport
Step 2 : Link บัตรเครดิต/เดบิต
- บัตรที่ใช้ได้ : Visa, Mastercard, JCB
- แนะนำ : บัตรเดบิต ค่าธรรมเนียมถูกกว่า
- ธนาคารที่ดี : กสิกร, SCB, กรุงไทย
- ใส่ข้อมูลบัตร > รอ SMS OTP > ยืนยัน
Step 3 : วิธีเติมเงิน (สำคัญมาก)
วิธีที่ 1 : Tour Pass (ง่ายสุด)
- เติมเงินล่วงหน้า 100-5,000 หยวน
- ใช้ได้ 90 วัน
- ค่าธรรมเนียม 5%
- เหมาะกับนักท่องเที่ยว
วิธีที่ 2 : Direct Pay
- จ่ายตรงจากบัตรเครดิต
- ค่าธรรมเนียม 3% ต่อรายการ
- ไม่ต้องเติมเงิน
- Limit วันละ 5,000 หยวน
วิธีที่ 3 : ให้เพื่อนจีนโอนให้
- ถ้ามีเพื่อน/ไกด์จีน
- โอนเงินไทยให้ แล้วให้โอนหยวนเข้า Alipay
- ไม่มีค่าธรรมเนียม
- ระวังโดนโกง
การใช้งาน Alipay
- สแกนจ่าย : เปิดแอพ > Scan > ยิงที่ QR Code ร้านค้า
- โชว์ QR รับเงิน : Payment Code > ให้ร้านค้าสแกน
- ดูประวัติ : Bills > เช็คทุกรายการ
WeChat Pay (微信支付) – ควรมี
WeChat Pay ผูกกับแอพ WeChat ใช้ได้เหมือน Alipay แต่ Setup ยากกว่า
ข้อดี WeChat Pay
- ใช้กับ WeChat (แชท) ได้เลย
- ร้านค้าบางร้านรับแค่ WeChat Pay
- โอนเงินให้เพื่อนง่าย
ข้อเสีย
- Setup ยาก ต้องมีบัญชีธนาคารจีน (หรือใช้วิธี Workaround)
- ชาวต่างชาติใช้ Limited Function
Workaround สำหรับนักท่องเที่ยว
- ให้เพื่อนจีนเติมเงินให้ (Red Packet)
- ใช้ WeChat Pay HK (ถ้ามีบัญชีฮ่องกง)
- ซื้อ WeChat Pay Card จากร้านสะดวกซื้อ
UnionPay Card – ทางเลือกดี
UnionPay คืออะไร
- บัตรเดบิต/เครดิตระบบจีน
- ใช้ได้ทั่วจีน 100%
- ถอนเงินจาก ATM จีนได้
- ค่าธรรมเนียมต่ำ
วิธีทำ UnionPay
1. ธนาคารไทยที่ออกให้
- กรุงเทพ (Be1st Smart)
- กสิกร (K-Max)
- ไทยพาณิชย์ (SCB UnionPay)
2. ค่าธรรมเนียม : 300-500 บาท/ปี
3. ระยะเวลา : 5-7 วันทำการ
4. วงเงิน : ตามบัญชีที่ผูก
ข้อดี UnionPay
- ไม่ต้องพึ่ง Alipay/WeChat
- ถอนเงินสด ATM ได้
- จ่ายที่ร้านใหญ่ๆ ได้หมด
การโอนเงินระหว่างประเทศ
โอนเงินให้ Supplier
เมื่อสั่งของแล้ว ต้องจ่ายเงิน มี 4 วิธีหลัก
1. T/T (Telegraphic Transfer)
- วิธี : โอนผ่านธนาคาร
- ค่าธรรมเนียม : 500-1,500 บาท + 0.25%
- ระยะเวลา : 1-3 วันทำการ
- เอกสาร : Invoice, สัญญา, ใบขนส่ง
- ข้อดี : ปลอดภัย มีหลักฐาน
- ข้อเสีย : แพง ยุ่งยาก
2. Alipay/WeChat (สำหรับยอดน้อย)
- วิธี : โอนผ่านแอพ
- Limit : 50,000 หยวน/เดือน
- ค่าธรรมเนียม : 3-5%
- ข้อดี : ไว ง่าย
- ข้อเสีย : ไม่มีเอกสารทางการ
3. Western Union
- ค่าธรรมเนียม : แพงมาก 5-8%
- ระยะเวลา : ทันที-1 วัน
- ข้อดี : ไว
- ข้อเสีย : แพง จำกัดยอด
4. Paypal (บางร้านรับ)
- ค่าธรรมเนียม : 4.4% + 0.30 USD
- ข้อดี : ปลอดภัย มี Buyer Protection
- ข้อเสีย : ร้านจีนไม่ค่อยรับ
อัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมแอบแฝง
ระวัง ค่าใช้จ่ายที่มักลืมคิด
- ค่าธรรมเนียมธนาคารต้นทาง : 500-1,500 บาท
- ค่าธรรมเนียมธนาคารปลายทาง : 100-300 หยวน
- ค่า Conversion Rate : ธนาคารบวก 1-2%
- ค่า Swift : 300-500 บาท
- ค่า Amendment : ถ้าข้อมูลผิด 500 บาท
Tips ประหยัด
- โอนยอดใหญ่ทีเดียว ดีกว่าแยกหลายครั้ง
- เช็คเรทหลายธนาคาร ต่างกันเยอะ
- ถ้ายอดน้อย ใช้ Alipay คุ้มกว่า
- ขอ Supplier ช่วยจ่ายค่าธรรมเนียมฝั่งจีน
เทคนิคการจัดการเงินแบบมืออาชีพ
แบ่งเงินเป็น 4 กอง
1. กองซื้อของ (60%)
- ใส่ใน Alipay พร้อมใช้
- แยก Tour Pass 2-3 ใบ
- ไม่เติมทีเดียวหมด เผื่อโดนแฮก
2. กองค่าใช้จ่ายประจำวัน (20%)
- เงินสด 500 หยวน
- Alipay อีก 500 หยวน
- บัตรเครดิตสำรอง
3. กองฉุกเฉิน (15%)
- เงินสดซ่อนหลายที่
- บัตรเครดิตใบที่ 2
- เก็บในตู้นิรภัยโรงแรม
4. กองต่อรอง (5%)
- เงินสด 100 หยวน x 10 ปึก
- ใช้ตอนต่อรองขั้นสุดท้าย
- “ถ้าจ่ายสดลดอีกไหม”
Payment Strategy ตามสถานการณ์
สถานการณ์ | จ่ายด้วย | เหตุผล |
---|---|---|
ซื้อของตัวอย่าง | Alipay | มีประวัติ ติดตามได้ |
จ่าย Deposit | T/T Bank | มีหลักฐาน ปลอดภัย |
ซื้อของจุกจิก | เงินสด | ต่อรองได้, ไว |
จ่ายค่าอาหาร | Alipay | สะดวก, ไม่ต้องทอน |
ค่าแท็กซี่ | Alipay/UnionPay | ไม่โดนโกง, มีหลักฐาน |
ฉุกเฉิน | เงินสด | ใช้ได้แน่นอน |
ข้อควรระวังด้านการเงิน
Scam ที่พบบ่อย
1. “ร้านนี้รับแค่ WeChat Pay”
- ความจริง : รับ Alipay ด้วย แต่อยากได้ Rate แพง
- วิธีแก้ : ยืนยันจ่าย Alipay หรือเดินหาร้านอื่น
2. “ATM นี้ไม่มีค่าธรรมเนียม”
- ความจริง : ไม่มีค่าธรรมเนียมฝั่งจีน แต่ธนาคารไทยคิด
- วิธีแก้ : ถอนครั้งละเยอะๆ ประหยัดค่าธรรมเนียม
3. “แลกเงินให้ เรทดี”
- คนแปลกหน้ามาเสนอแลกเงิน
- อันตราย : ได้แบงค์ปลอม หรือโดนล้วงกระเป๋า
- วิธีแก้ : ปฏิเสธ แลกที่ธนาคารเท่านั้น
4. QR Code ปลอม
- ร้านค้าให้สแกน QR ปลอม
- เงินไปเข้าบัญชีมิจฉาชีพ
- วิธีป้องกัน : ดู QR ติดกับร้านจริงๆ
Security Tips
- แยกบัตร-เงินสด ไม่เก็บรวมกัน
- ถ่ายรูป หน้าพาสปอร์ต บัตรเครดิต เก็บใน Cloud
- ตั้ง Limit รายวันใน Alipay ไม่เกิน 5,000 หยวน
- SMS Alert ทุกรายการ
- VPN ใช้ตอนทำธุรกรรมการเงิน
- ไม่ใช้ WiFi ฟรี ตอนโอนเงิน
- Screenshot ทุก Transaction
Checklist ก่อนไปจีน
2 สัปดาห์ก่อนไป
- สมัคร UnionPay Card
- ลง Alipay + Verify
- ทดสอบ Link บัตรเครดิต
- แลกเงินสด 50%
1 สัปดาห์ก่อนไป
- เติม Alipay Tour Pass
- แลกเงินสดที่เหลือ
- ตั้ง Travel Alert กับธนาคาร
- จด Emergency Contact ธนาคาร
1 วันก่อนไป
- เช็คบัตรทุกใบ
- แบ่งเงินสดใส่ซอง
- Backup ข้อมูลการเงินใน Cloud
- ตรวจ Limit บัตรเครดิต
การเตรียมระบบการเงินให้พร้อม คือ หัวใจสำคัญของการไปจีน เมื่อจ่ายเงินได้คล่อง ต่อรองก็ง่าย ซื้อของก็สะดวก ขั้นตอนต่อไปที่ไม่แพ้กัน คือ การเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี เพราะจีนใช้แอพในชีวิตประจำวันแทบทุกอย่าง ถ้าไม่เตรียมแอพไปให้พร้อม แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี
“ไปจีนแค่ 5 วัน จำเป็นต้องลงแอพเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” คำตอบ คือ จำเป็นมาก จีนมี Great Firewall ที่บล็อก Google, Facebook, Line ทำให้แอพที่เราใช้ทุกวันใช้ไม่ได้ แถมคนจีนใช้แอพเฉพาะที่เราไม่คุ้นเคย หลายคนไปถึงแล้วงง ติดต่อบ้านไม่ได้ หาทางไม่เจอ แปลภาษาไม่ได้ สุดท้ายเสียเวลาเสียโอกาส บทนี้ จะพาคุณเตรียมมือถือให้พร้อมรบ พร้อมสอนใช้แอพจีนแบบมือใหม่ก็ทำได้
อินเทอร์เน็ต และการสื่อสาร
เลือกวิธีเชื่อมต่อ Internet ที่เหมาะกับคุณ
1. ซิมการ์ดจีน (แนะนำสำหรับอยู่นาน)
China Mobile/Unicom/Telecom
- ราคา : 100-200 หยวน (7-14 วัน)
- ดาต้า : 10-20 GB
- ซื้อที่ไหน : สนามบินจีน, ร้าน 7-11 จีน
- ข้อดี : เน็ตเร็ว, ถูก, มีเบอร์จีน
- ข้อเสีย : ต้องลงทะเบียนด้วยพาสปอร์ต, Google/FB ใช้ไม่ได้
- Tips : ขอให้พนักงานตั้งค่าให้เลย ไม่งั้นงง
2. Tourist SIM Card (สะดวกสุด)
China Unicom Tourist SIM
- ราคา : 200-300 หยวน (7-30 วัน)
- ดาต้า : Unlimited (แต่ลดสปีดหลัง 20GB)
- ซื้อที่ไหน : Klook, KKday, สนามบินจีน
- ข้อดี : ใช้ได้ทันที, บาง Package ไม่โดนบล็อก
- ข้อเสีย : แพงกว่าซิมปกติ
3. Pocket WiFi (ดีสำหรับไปหลายคน)
- ราคา : 150-250 บาท/วัน
- ดาต้า : Unlimited (ใช้ได้ 5-10 เครื่อง)
- เช่าที่ไหน : สนามบินไทย, Klook
- ข้อดี : แชร์ได้หลายคน, คุ้มถ้าไป 3-4 คน
- ข้อเสีย : ต้องชาร์จแบต, พกเพิ่มอีกเครื่อง
- Tips : เช่าจากไทยถูกกว่าเช่าที่จีน
4. International Roaming (แพงแต่ง่าย)
- AIS : 399 บาท/วัน Unlimited
- True : 299 บาท/วัน (2GB)
- DTAC : 349 บาท/วัน
- ข้อดี : ใช้เบอร์เดิม, ไม่ต้องเปลี่ยนซิม
- ข้อเสีย : แพงมาก, บางแพ็กเกจโดนบล็อก
- Tips : เหมาะกับนักธุรกิจที่ต้องรับสายสำคัญ
5. eSIM (ทางเลือกใหม่)
- Airalo, Holafly : 15-30 USD (5-7 วัน)
- ข้อดี : ไม่ต้องเปลี่ยนซิม, ซื้อออนไลน์ได้
- ข้อเสีย : มือถือต้องรองรับ eSIM
- Tips : ซื้อก่อนไปจีน Activate ที่สนามบิน
VPN – ปลดล็อก Internet จีน
ทำไมต้องใช้ VPN
จีนบล็อกเว็บ/แอพเหล่านี้
- Google ทุกอย่าง (Search, Maps, Gmail, YouTube)
- Facebook, Instagram, Twitter
- Line, WhatsApp
- Netflix, Spotify
- ข่าวต่างประเทศหลายสำนัก
VPN ที่ใช้ได้ในจีน (2025)
1. ExpressVPN (ดีที่สุด)
- ราคา : 350 บาท/เดือน
- ข้อดี : เสถียร, เร็ว, ใช้ได้แน่นอน
- ข้อเสีย : แพง
2. Astrill VPN
- ราคา : 450 บาท/เดือน
- ข้อดี : เร็วมาก, มี Stealth Mode
- ข้อเสีย : แพงที่สุด
3. NordVPN
- ราคา : 150 บาท/เดือน (ซื้อแพ็ก 1 ปี)
- ข้อดี : ถูก, ใช้ได้หลายอุปกรณ์
- ข้อเสีย : บางทีโดนบล็อก ต้องลองหลาย Server
สำคัญมาก ต้องลงและทดสอบ VPN ก่อนไปจีน เพราะเว็บ VPN โดนบล็อก ไปลงที่จีนไม่ได้
แอพพลิเคชันจำเป็น – ลงให้ครบก่อนไป
แอพแปลภาษา (สำคัญที่สุด)
1. Pleco (พจนานุกรมจีนอันดับ 1)
ฟีเจอร์เด่น
- แปลคำศัพท์จีน-อังกฤษ แม่นยำ
- เขียนตัวจีนด้วยนิ้ว ระบบจะแปลให้
- ถ่ายรูปป้ายแล้วแปล (ต้องซื้อ Add-on)
- ออกเสียงให้ฟัง
วิธีใช้ : พิมพ์ Pinyin หรือวาดตัวจีน
Tips : โหลด Dictionary ออฟไลน์ไว้ ใช้ได้ตลอด
2. Google Translate
ฟีเจอร์เด่น
- แปลประโยคยาวๆ ได้
- พูดแล้วแปล (Voice)
- ถ่ายรูปแปล (Camera)
- Download ภาษาจีนออฟไลน์
ข้อเสีย : ต้องใช้กับ VPN
Tips : Screenshot คำแปลสำคัญๆ ไว้
3. Baidu Translate (百度翻译)
- ข้อดี : ใช้ในจีนได้โดยไม่ต้อง VPN
- ฟีเจอร์ : คล้าย Google Translate
- Tips : แปลภาษาจีนแม่นกว่า Google
4. Microsoft Translator
- ฟีเจอร์เด่น : แปลการสนทนา Real-time
- วิธีใช้ : 2 คนคุยกัน คนละภาษา แอพแปลให้
- Tips : ใช้ตอนเจรจาธุรกิจ ช่วยได้มาก
แอพเดินทาง
1. Baidu Maps (百度地图) – Google Maps ของจีน
ฟีเจอร์
- แผนที่ละเอียดมาก
- บอกเส้นทางรถเมล์ MRT แท็กซี่
- ค้นหาร้านอาหาร ตลาด โรงแรม
วิธีใช้ : พิมพ์ชื่อสถานที่เป็นภาษาจีน
Tips : Copy ที่อยู่จีนจาก Google มาวาง
2. Amap (高德地图) – คู่แข่ง Baidu
- ข้อดี : UI ใช้ง่ายกว่า มีภาษาอังกฤษบางส่วน
- ฟีเจอร์ : คล้าย Baidu Maps
- Tips : ลองทั้ง 2 แอพ ดูว่าชอบอันไหน
3. DiDi (滴滴出行) – Grab ของจีน
ฟีเจอร์
- เรียกแท็กซี่ ราคาโปร่งใส
- จ่ายผ่าน Alipay/WeChat
- มีภาษาอังกฤษ
วิธีสมัคร : ใช้เบอร์มือถือไทยได้
Tips : ปักหมุดจุดรับ-ส่งให้ชัด ไม่งั้นคนขับหาไม่เจอ
4. Metro Apps แต่ละเมือง
- Guangzhou Metro
- Shenzhen Metro
- Shanghai Metro
ฟีเจอร์ : ดูแผนที่ใต้ดิน คำนวณค่าโดยสาร
Tips : โหลดของเมืองที่จะไป ใช้ออฟไลน์ได้
แอพสื่อสาร
1. WeChat (微信) – ต้องมี 100%
ฟีเจอร์
- แชท (คล้าย Line)
- WeChat Pay
- Moments (คล้าย Facebook)
- Official Accounts (ข่าว ข้อมูล)
- Mini Programs (แอพย่อยในแอพ)
วิธีสมัคร
- โหลดแอพ
- Sign Up ด้วยเบอร์ไทย
- ตั้งชื่อ ใส่รูป
- ให้เพื่อนที่มี WeChat แล้ว Verify ให้
Tips: ใช้ Add Friend by Phone Number/QR Code
2. QQ International
- ใช้เมื่อ : ร้านค้าบางร้านใช้ QQ
- ข้อดี : ไม่ต้อง Verify เหมือน WeChat
- Tips : ใช้สำรองถ้า WeChat มีปัญหา
แอพช้อปปิ้ง/ดูสินค้า
1. 1688 (阿里巴巴)
- คืออะไร : Alibaba ภายในจีน ราคาส่ง
- ใช้ทำไม : ดูราคา เช็คสินค้า หา Supplier
- Tips : ใช้เป็น Reference อย่าสั่งออนไลน์
2. Taobao (淘宝)
- คืออะไร : ตลาดออนไลน์ใหญ่ที่สุด
- ใช้ทำไม : ดูเทรนด์ เปรียบเทียบราคา
- Tips : ดูรีวิว ดูยอดขาย
3. XianYu (闲鱼)
- คืออะไร : ของมือสอง
- ใช้ทำไม : หาของหายาก Vintage
- Tips : ระวังของปลอม เช็คให้ดี
แอพจอง และบริการ
1. Trip.com / Ctrip (携程)
- ใช้ทำไม : จองโรงแรม ตั๋วรถไฟ เครื่องบิน
- ข้อดี : ราคาถูก จองง่าย
- Tips : ดูรีวิวภาษาอังกฤษ
2. 12306 (China Railway)
- ใช้ทำไม : จองตั๋วรถไฟความเร็วสูง
- ข้อดี : ราคาถูกกว่า Agent
- ข้อเสีย : ใช้ยาก ต้องมีบัตรจีน
- Tips : ให้โรงแรมช่วยจอง
3. Dianping (大众点评)
- คืออะไร : Wongnai ของจีน
- ใช้ทำไม : หาร้านอาหาร ดูรีวิว
- Tips : ดูรูปอาหาร สั่งตามรูป
เตรียมข้อมูลออฟไลน์
สิ่งที่ต้อง Save ไว้ในมือถือ
1. Screenshot สำคัญ
- ที่อยู่โรงแรม (ภาษาจีน)
- แผนที่ตลาดที่จะไป
- ตาราง MRT
- เบอร์โทรฉุกเฉิน
- ตัวอย่างสินค้าที่จะหา
2. ไฟล์ PDF
- ใบจองโรงแรม
- ตั๋วเครื่องบิน
- วีซ่า
- ประกันการเดินทาง
- Catalog สินค้า
3. Note ภาษาจีน
คัดลอกไว้ใน Note
- 我要去… (ฉันจะไป…)
- 多少钱?(เท่าไหร่?)
- 太贵了 (แพงไป)
- 可以便宜一点吗?(ลดหน่อยได้ไหม?)
- 批发价是多少?(ราคาส่งเท่าไหร่?)
- 最少订购量?(สั่งขั้นต่ำ?)
- 可以看样品吗?(ดูตัวอย่างได้ไหม?)
- 有没有其他颜色?(มีสีอื่นไหม?)
4. ข้อมูลร้านค้า
- ชื่อร้าน ที่อยู่ (ภาษาจีน)
- WeChat ID
- เบอร์โทร
- รูปสินค้าที่สนใจ
- ราคาที่เคยถาม
เทคนิคใช้เทคโนโลยีในจีน
Phone Settings ที่ควรปรับ
- เปิด Roaming (ถ้าใช้ซิมไทย)
- ตั้ง VPN Auto-connect
- Download แผนที่ออฟไลน์ (Google Maps บริเวณจีน)
- Backup Contact ไว้ใน Cloud
- ตั้ง Time Zone เป็น Beijing Time
- Power Saving Mode ประหยัดแบต
Gadget ที่ควรพก
- Power Bank 20,000 mAh ขึ้นไป (ใช้ทั้งวัน)
- Universal Adapter (ปลั๊กจีนต่างจากไทย)
- สาย USB หลายเส้น (ชาร์จพร้อมกันหลายเครื่อง)
- Pocket WiFi (ถ้าไปหลายคน)
- หูฟัง Bluetooth (ฟังคำแปล โทรศัพท์)
Backup Plan เมื่อเทคโนโลยีล้มเหลว
ถ้า Internet ล่ม
- ใช้ WiFi โรงแรม/ร้านกาแฟ
- ขอ Hotspot จากเพื่อน
- ซื้อซิมใหม่ที่ 7-11
ถ้าแอพใช้ไม่ได้
- มีสมุดจดข้อมูลสำรอง
- ถ่ายรูปทุกอย่างไว้
- ขอคนท้องถิ่นช่วย
ถ้ามือถือหาย/พัง
- Backup ข้อมูลใน Cloud
- มีมือถือสำรอง (เครื่องเก่า)
- จดเบอร์สำคัญไว้ในกระดาษ
ข้อควรระวังด้านเทคโนโลยี
- อย่าใช้ WiFi ฟรี ทำธุรกรรมการเงิน
- ระวัง Fake App ดูยอดดาวน์โหลด
- QR Code แปลก อย่าสแกนมั่ว
- Update Security ก่อนไปจีน
- ตั้ง Password ทุกแอพสำคัญ
- Location Off เมื่อไม่ใช้
- Screenshot ข้อมูลสำคัญ
Checklist แอพที่ต้องลง
Essential (ต้องมี)
- Alipay
- Baidu/Amap
- DiDi
- Pleco/Google Translate
- VPN (1-2 ตัว)
Recommended (ควรมี)
- 1688/Taobao
- Trip.com
- Metro App
- Dianping
- Baidu Translate
วันก่อนไป
- ทดสอบ VPN
- Login ทุกแอพ
- Download ข้อมูลออฟไลน์
- ชาร์จ Power Bank
- Backup ข้อมูล
การเตรียมเทคโนโลยีให้พร้อม จะทำให้การเดินทางราบรื่น ติดต่อสื่อสารได้ ไม่หลงทาง และทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การหา Supplier และติดต่อล่วงหน้า เพราะการนัดหมายไว้ก่อน จะช่วยประหยัดเวลา และได้ราคาที่ดีกว่า
หา Supplier และติดต่อล่วงหน้า
“ไปถึงจีนค่อยหาร้านเอาก็ได้ ร้านเยอะแยะ” ถ้าคิดแบบนี้ เตรียมเสียเวลาได้เลย ตลาดจีนใหญ่มาก ร้านนับหมื่น ถ้าไม่ทำการบ้านมาก่อน จะเดินงงจนหมดแรง ได้แต่ร้านที่คนพาไป ซึ่งอาจไม่ใช่ร้านที่ดี ที่สุด หรือโดนคนกลางกินเปอร์เซ็นต์ การหา Supplier ออนไลน์ และนัดล่วงหน้า จะช่วยให้คุณไปถึงร้านที่ต้องการได้ตรงจุด เจรจาได้ราคาดี และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว มาดูกันว่าต้องทำอะไรบ้าง
ค้นหา Supplier ออนไลน์
1688.com – ขุมทรัพย์ของนักขายออนไลน์
1688 คือ Alibaba ภายในประเทศจีน ราคาถูกกว่า Alibaba International 30-50% เพราะขายให้คนจีนด้วยกัน
วิธีใช้ 1688 หา Supplier
Step 1 : เข้าเว็บ และแปลภาษา
- เข้า www.1688.com
- ใช้ Chrome คลิกขวา > Translate to English
- หรือใช้ Plugin “1688 Translator”
- สมัคร Account ด้วยเบอร์มือถือ (ไม่จำเป็นแต่ดูข้อมูลได้เยอะกว่า)
Step 2 : ค้นหาสินค้า
- ใช้รูปภาพ : อัพโหลดรูปสินค้าที่ต้องการ ระบบจะหาให้
- ใช้คำค้นภาษาจีน : แปลคำที่ต้องการก่อน
ตัวอย่างคำค้นยอดนิยม
- 女装 (nǚzhuāng) = เสื้อผ้าผู้หญิง
- 包包 (bāobāo) = กระเป๋า
- 手机配件 (shǒujī pèijiàn) = อุปกรณ์มือถือ
- 化妆品 (huàzhuāngpǐn) = เครื่องสำอาง
Step 3 : อ่านข้อมูลร้านค้า
- 实力商家 = Verified Supplier (เชื่อถือได้)
- 工厂 = โรงงาน (ราคาถูกสุด)
- 批发 = ขายส่ง
- 一件代发 = Dropship ได้
- 年 = จำนวนปีที่เปิด (ยิ่งนานยิ่งดี)
Step 4 : ดูรายละเอียดสำคัญ
- 价格 (jiàgé) = ราคา (ดูราคาตามจำนวนสั่ง)
- 起批量 = MOQ (ยิ่งน้อยยิ่งดี สำหรับมือใหม่)
- 销量 = ยอดขาย (ดูความนิยม)
- 评价 = รีวิว (4.5 ดาวขึ้นไป)
- 回头率 = ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ (30%+ ดี)
เทคนิคใช้ 1688
- เปรียบเทียบอย่างน้อย 10 ร้าน ราคาต่างกันมาก
- ดูรูปรีวิวจากลูกค้าจริง ไม่ใช่รูปโปรโมท
- Save ร้านที่สนใจ กดหัวใจไว้ จะได้กลับมาดูทีหลัง
- ขอ WeChat ของร้าน อยู่ในหน้า Contact
- ใช้ Price Range Filter กรองราคาที่รับได้
Taobao – ดูเทรนด์ และทดสอบตลาด
Taobao เหมือน Shopee ของจีน ขายปลีก แต่มีประโยชน์ในการหาไอเดีย
ใช้ Taobao อย่างไร
- ดูสินค้ามาใหม่ – 新品 (xīnpǐn)
- ดู Best Seller – 热销 (rèxiāo)
- ดูราคาขายปลีก – คำนวณกำไรได้
- ดูรีวิวลูกค้า – ปัญหาที่เจอบ่อย
- หาร้านที่มีโรงงาน – บางร้านขายปลีก+ส่ง
Red Flag ร้านที่ควรหลีกเลี่ยง
- ไม่มีรูปโรงงาน/สต๊อก
- รีวิวน้อยผิดปกติ
- ราคาถูกผิดปกติ (90% ของปลอม)
- ไม่ยอมให้ดูสินค้าจริง
- ขอเงินมัดจำ 100%
WeChat Official Account – ติดตามแบรนด์/โรงงานโดยตรง
หลายโรงงานมี WeChat Official Account ที่อัพเดทสินค้าใหม่ตลอด
วิธีหา
- Search ชื่อแบรนด์/ประเภทสินค้าใน WeChat
- ดู Follower (ยิ่งเยอะยิ่งน่าเชื่อถือ)
- Follow และดูโพสต์ย้อนหลัง
- ส่งข้อความถามราคา MOQ
การติดต่อก่อนเดินทาง
Template ข้อความภาษาอังกฤษ/จีน
Template 1 : แนะนำตัวครั้งแรก (ภาษาอังกฤษ)
Hello,
I am [Your Name] from [Company] in Thailand.
We are interested in [product type] for the Thai market.
I will visit Guangzhou from [date] to [date].
Could we arrange a meeting at your showroom?
Please send me
- Product catalog with prices
- MOQ for each item
- Your showroom address
- Your WeChat ID
Looking forward to your reply.
Best regards,
[Your name] [Phone/WhatsApp]Template 2 : แนะนำตัวครั้งแรก (ภาษาจีน)
您好,
我是来自泰国的采购商 [Your Name]。
我们公司主要经营 [product type]。
我计划 [date] 到 [date] 访问广州。
请问可以参观贵公司的展厅吗?
请发给我
- 产品目录和价格
- 最小起订量
- 展厅地址
- 微信号
期待您的回复。
谢谢!
[Your name] [电话/WhatsApp]Template 3 : ติดตามหลังส่งข้อความแรก
Hi [Supplier name],
Following up on my previous message.
I’m visiting Guangzhou next week.
My schedule
- [Date] : Morning/Afternoon available
- [Date] : Full day available
Which time suits you best?
I’m serious about placing orders if products and prices match our requirements.
Please confirm the meeting.
Thanks,
[Your name]การนัดหมายที่มีประสิทธิภาพ
Timing ที่ดี
- นัดล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ – ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
- เลี่ยงวันจันทร์เช้า – ร้านค้ายุ่ง
- เวลาที่ดี : 10:00-11:30, 14:00-16:00
- ศุกร์บ่าย – ได้ราคาดี ร้านอยากปิดการขาย
วิธีนัดให้ร้านตอบ
- บอกว่าพร้อมสั่ง – “Ready to order if price is good”
- บอกปริมาณคร่าวๆ – “Looking for 500-1000 pcs/month”
- ส่งรูปสินค้าที่ขายอยู่ – แสดงว่าทำธุรกิจจริง
- ขอ Special Price – “Need competitive price for Thai market”
ขอราคา และ MOQ อย่างมืออาชีพ
ข้อมูลที่ต้องขอ
- FOB Price – ราคาไม่รวมส่ง
- MOQ แต่ละสี/ไซส์ – บางทีรวมกันได้
- Sample Price – ราคาตัวอย่าง
- Production Time – เวลาผลิต
- Payment Terms – เงื่อนไขการชำระ
- Packaging – วิธีแพ็ค น้ำหนัก ขนาด
คำศัพท์ที่ต้องรู้
- 支付方式 (zhīfù fāngshì) = วิธีชำระเงิน
- 定金 (dìngjīn) = เงินมัดจำ (ปกติ 30%)
- 交货时间 (jiāohuò shíjiān) = เวลาส่งของ
- 可以混批吗 (kěyǐ hùnpī ma) = ผสมแบบได้ไหม
- 有现货吗 (yǒu xiànhuò ma) = มีของพร้อมส่งไหม
เตรียม Sourcing Agent (ถ้าจำเป็น)
ข้อดี-ข้อเสียของการใช้ Agent
ข้อดี
- ภาษาไม่เป็นปัญหา
- รู้จักร้านดีๆ หลายร้าน
- ต่อรองให้ได้ดีกว่า
- จัดการ Logistics ให้
- QC สินค้าให้
ข้อเสีย
- ค่าคอมมิชชั่น 5-10%
- อาจไม่ได้ราคาดีที่สุด (Agent กินทั้ง 2 ฝั่ง)
- ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับ Supplier โดยตรง
- บาง Agent ไม่น่าเชื่อถือ
อัตราค่าบริการ Agent
1. Agent รับจ้างทั่วไป
- รายวัน : 800-1,500 บาท + ค่าอาหาร/เดินทาง
- Commission : 5-10% ของยอดสั่งซื้อ
- Package : 3 วัน 15,000-25,000 บาท
2. Professional Sourcing Company
- Setup Fee : 10,000-30,000 บาท
- Commission : 3-7%
- บริการ : หาโรงงาน, QC, ขนส่ง
3. Freelance Guide/Translator
- รายวัน : 500-800 หยวน
- ไม่รับผิดชอบ : คุณภาพสินค้า
- ดี : ยืดหยุ่น ไปไหนก็ได้
การหา Agent ที่เชื่อถือได้
แหล่งหา Agent
Facebook Group
- “นำเข้าสินค้าจากจีน”
- “ไปกว่างโจวหาของมาขาย”
- ดูรีวิวจากคนที่เคยใช้
WeChat Groups
- Thailand Buyer Group
- Thai-Chinese Business
Recommendation
- ถามเพื่อนที่เคยไป
- ถามในกลุ่ม Pantip
- Google Review
วิธีเช็ค Agent
- ขอ Reference – ลูกค้าเก่า 3-5 ราย
- ดู Portfolio – เคยหาสินค้าอะไรบ้าง
- Video Call ก่อนไป – ดูบุคลิก การสื่อสาร
- ทดสอบความรู้ – ถามเรื่องตลาด ราคา
- เช็คที่อยู่/บริษัท – ต้องมีตัวตนชัดเจน
Red Flag Agent ที่ควรหลีกเลี่ยง
- ขอเงินมัดจำล่วงหน้าเยอะ
- ไม่มีรีวิว/Portfolio
- บังคับใช้ Supplier ของเขาเท่านั้น
- ไม่ยอมให้คุยกับ Supplier โดยตรง
- คิดค่าบริการแพงผิดปกติ
เทคนิคการเตรียมตัวก่อนไป
สร้าง Supplier Database
ทำ Excel/Google Sheet
ร้าน | สินค้า | ราคา | MOQ | ที่อยู่ | นัดวันที่ | Note | |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Shop A | wx_shopA | เสื้อ | 35¥ | 20 | Baima 3F | 10/3 10:00 | ราคาดี |
Shop B | wx_shopB | กางเกง | 45¥ | 30 | Shahe A-22 | 10/3 14:00 | ของสวย |
เตรียม Material
1. Portfolio บริษัท (PDF ในมือถือ)
- ประวัติบริษัท
- สินค้าที่เคยขาย
- ตลาดเป้าหมาย
- ปริมาณที่คาดว่าจะสั่ง
2. Product Sample/Photos
- รูปสินค้าที่ต้องการ
- สเปคที่ต้องการ
- สี และไซส์
- Target Price
3. Payment Proof
- Bank Statement (ถ้าจำเป็น)
- หนังสือรับรองบริษัท
- นามบัตร
วางแผน Daily Schedule
ตัวอย่าง Schedule 5 วัน
Day 1 : Arrival + Survey
- เช้า : เดินทางถึง เช็คอินโรงแรม
- บ่าย : เดินสำรวจตลาดคร่าวๆ
- เย็น : ทบทวนนัดหมาย
Day 2-4 : Meeting Suppliers
- 09:00-11:30 : นัดร้านที่ 1-2
- 11:30-13:00 : อาหารกลางวัน
- 13:00-17:00 : นัดร้านที่ 3-5
- 17:00-19:00 : อาหารเย็น
- 19:00-21:00 : Review และจดบันทึก
Day 5 : Final Decision
- เช้า : กลับไปร้านที่ตัดสินใจ
- บ่าย : เจรจาสรุป สั่งของ
- เย็น : เตรียมเดินทางกลับ
ข้อควรระวังในการติดต่อ Supplier
- อย่าบอกงบประมาณจริง – มีช่องต่อรองมากขึ้น
- อย่ารีบตัดสินใจ – ขอเวลาคิด 1 คืน
- ถ่ายรูป/วิดีโอทุกอย่าง – สินค้า นามบัตร ราคา
- ขอตัวอย่างก่อนสั่งจริง – แม้ต้องซื้อ
- เช็คคุณภาพให้ละเอียด – ตะเข็บ ซิป สี วัสดุ
- ยืนยันทุกอย่างเป็นลายลักษณ์ – ราคา MOQ เวลาส่ง
- อย่าโอนเงินมัดจำเต็ม – ปกติ 30% พอ
Checklist ก่อนไปพบ Supplier
2 สัปดาห์ก่อนไป
- ค้นหาร้านใน 1688/Taobao
- ส่งข้อความแนะนำตัว
- ขอราคาและ MOQ
- Add WeChat
1 สัปดาห์ก่อนไป
- ยืนยันนัดหมาย
- ขอที่อยู่ + แผนที่
- เตรียม Question List
- จัด Schedule
1 วันก่อนไป
- Reconfirm นัดหมาย
- เตรียมนามบัตร
- ชาร์จ Power Bank
- Review ข้อมูลร้าน
การทำการบ้าน และนัดหมายล่วงหน้า จะทำให้ทริปของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้พบ Supplier ที่ดี ได้ราคาที่ต่อรองมาแล้ว และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การศึกษาภาษา และวัฒนธรรม เพราะยิ่งเข้าใจวิธีคิดของคนจีน ยิ่งต่อรอง และทำธุรกิจได้ดี
ศึกษาภาษา และวัฒนธรรม
“พูดภาษาจีนไม่ได้ ไปซื้อของได้ไหม” ได้ครับ แต่ถ้าพูดได้สัก 20-30 คำ รับรองว่าได้ราคาต่างกัน 20-30% เลยทีเดียว คนจีนชอบคนที่พยายามพูดภาษาจีน แม้จะพูดไม่ชัด ไม่ถูกต้อง แต่แสดงถึงความจริงใจ ความพยายาม ทำให้เขารู้สึกว่า คุณให้เกียรติวัฒนธรรมเขา บทนี้ จะสอนภาษาจีนที่จำเป็น สำหรับซื้อของ พร้อมเทคนิคการต่อรองแบบจีน และมารยาทที่ต้องรู้ ไม่ต้องเรียนภาษาจีนเป็นปี อ่านจบบทนี้ ใช้ได้เลย
ภาษาจีนเบื้องต้นที่จำเป็น
ตัวเลขจีน – พื้นฐานที่สุดแต่สำคัญที่สุด
ถ้าจำอะไรได้อย่างเดียว จำตัวเลขก่อน เพราะใช้ต่อรองราคาทุกวัน
ตัวเลข 0-10
ตัวเลข | จีน | พินอิน | อ่านไทย |
---|---|---|---|
0 | 零 | líng | หลิง |
1 | 一 | yī | อี |
2 | 二 | èr | เอ้อร์ |
3 | 三 | sān | ซาน |
4 | 四 | sì | ซื่อ |
5 | 五 | wǔ | อู่ |
6 | 六 | liù | ลิ่ว |
7 | 七 | qī | ชี |
8 | 八 | bā | ปา |
9 | 九 | jiǔ | จิ่ว |
10 | 十 | shí | สือ |
ตัวเลขที่ใช้บ่อย
- 20 = 二十 (èrshí) = เอ้อร์สือ
- 50 = 五十 (wǔshí) = อู่สือ
- 100 = 一百 (yībǎi) = อีไป่ย
- 200 = 两百 (liǎngbǎi) = เลี่ยงไป่ย
- 500 = 五百 (wǔbǎi) = อู่ไป่ย
- 1,000 = 一千 (yīqiān) = อีเชียน
- 10,000 = 一万 (yīwàn) = อีว่าน
เทคนิคจำตัวเลข
- ใช้มือประกอบ (คนจีนชอบใช้มือ)
- 6-10 มีท่ามือเฉพาะ ควรเรียนรู้
- ฝึกนับเงิน 1-100 หยวนทุกวัน
- ใช้แอพ Pleco ฟังเสียงซ้ำๆ
คำศัพท์สำคัญสำหรับต่อรองราคา
ประโยคพื้นฐานที่ต้องใช้ทุกวัน
ภาษาไทย | ภาษาจีน | พินอิน | อ่านไทย |
---|---|---|---|
สวัสดี | 你好 | nǐhǎo | หนีห่าว |
ขอบคุณ | 谢谢 | xièxie | เซี่ยเซียะ |
ไม่เป็นไร | 没关系 | méiguānxi | เหมย กวน ซี |
ขอโทษ | 对不起 | duìbuqǐ | ตุ้ย ปู้ ฉี่ |
ลาก่อน | 再见 | zàijiàn | จ้าย เจี้ยน |
ประโยคสำหรับซื้อของ
ภาษาไทย | ภาษาจีน | พินอิน | อ่านไทย |
---|---|---|---|
อันนี้เท่าไหร่? | 这个多少钱? | zhège duōshǎo qián? | เจ้อเก้อ ตัวเส่า เฉียน? |
แพงไป! | 太贵了! | tài guì le! | ไท่ กุ้ย เลอ! |
ลดหน่อยได้ไหม? | 便宜一点可以吗? | piányi yìdiǎn kěyǐ ma? | เพียนยี่ อี้เตี่ยน เขออี่ มา? |
ถูกสุดเท่าไหร่? | 最低多少? | zuìdī duōshǎo? | จุ้ยตี ตัวเส่า? |
ซื้อเยอะลดได้ไหม? | 多买可以便宜吗? | duō mǎi kěyǐ piányi ma? | ตัว หม่าย เขออี่ เพียนยี่ มา? |
ไม่เอา | 不要 | búyào | ปู๋เย่า |
เอา! | 要! | yào! | เย่า! |
ช่วยห่อให้หน่อย | 请包一下 | qǐng bāo yíxià | ฉิ่ง เปา อี๋เซี่ย |
คำศัพท์เฉพาะสินค้า
ภาษาไทย | ภาษาจีน | พินอิน | อ่านไทย |
---|---|---|---|
เสื้อ | 衣服 | yīfu | อีฟุ |
กางเกง | 裤子 | kùzi | คูจื่อ |
กระเป๋า | 包包 | bāobāo | เปาเปา |
รองเท้า | 鞋子 | xiézi | เสียจื่อ |
ไซส์ S/M/L | 小/中/大号 | xiǎo/zhōng/dà hào | เสี่ยว/จง/ต้า ห้าว |
สี | 颜色 | yánsè | เหยียนเซ่อ |
แดง/ขาว/ดำ | 红/白/黑 | hóng/bái/hēi | หง/ไป๋/เฮย |
คุณภาพดี | 质量好 | zhìliàng hǎo | จื้อเลี่ยง ห่าว |
ของใหม่ | 新的 | xīn de | ซิน เตอะ |
ประโยคสำหรับทำธุรกิจ
คำถามสำคัญที่ต้องถาม Supplier
1. 起订量是多少?(qǐ dìngliàng shì duōshǎo?)
= MOQ เท่าไหร่? (ฉี่ติ่งเลี่ยง ซื่อ ตัวเส่า?)
2. 可以混款吗?(kěyǐ hùnkuǎn ma?)
= ผสมแบบได้ไหม? (เขอหยี่ หุ่นควาน ม่า?)
3. 有现货吗?(yǒu xiànhuò ma?)
= มีของพร้อมส่งไหม? (โหย่ว เซี่ยนหั่ว ม่า?)
4. 生产时间要多久?(shēngchǎn shíjiān yào duōjiǔ?)
= ใช้เวลาผลิตนานแค่ไหน? (เซิงฉาน ซื่อเจียน เย่า ตัวจิ่ว?)
5. 可以看样品吗?(kěyǐ kàn yàngpǐn ma?)
= ดูตัวอย่างได้ไหม? (เขอหยี่ คาน หย่างผิน ม่า?)
6. 支持支付宝吗?(zhīchí zhīfùbǎo ma?)
= รับ Alipay ไหม? (จือฉือ จือฟู่ป่าว ม่า?)
7. 包邮吗?(bāoyóu ma?)
= รวมค่าส่งไหม? (เปาโหย่ว ม่า?)
8. 可以开发票吗?(kěyǐ kāi fāpiào ma?)
= ออกใบกำกับภาษีได้ไหม? (เขอหยี่ ไค ฟาเพี่ยว ม่า?)
มารยาท และวัฒนธรรมทางธุรกิจ
การแลกนามบัตร – พิธีกรรมสำคัญ
วิธีที่ถูกต้อง
- ยื่นด้วยสองมือ – แสดงความเคารพ
- โค้งเล็กน้อย – ขณะยื่นและรับ
- อ่านนามบัตร – ที่ได้รับอย่างตั้งใจ 3-5 วินาที
- เก็บอย่างดี – ใส่กล่องนามบัตร ไม่ใส่กระเป๋าหลัง
- วางบนโต๊ะ – ระหว่างคุยธุรกิจ
- อย่าเขียนทับ – ต่อหน้าเจ้าของ
คำพูดประกอบ
- ยื่นให้ : “这是我的名片” (zhè shì wǒ de míngpiàn) = “นี่นามบัตรของผม/ฉัน”
- รับ : “谢谢” (xièxie) + อ่านชื่อออกเสียง
การต่อรองราคาแบบจีน
หลักการต่อรอง
1. เริ่มต้น 50% ของราคาที่ขาย
- ร้านขาย 100 หยวน
- เริ่มต่อที่ 50 หยวน
- จบที่ 70-80 หยวน
2. แสดงท่าทีไม่สนใจ
- “还有别的款式吗?” (มีแบบอื่นไหม?)
- ดูของร้านอื่นก่อน
- เดินจากไป (ถ้าเขาเรียก = ลดได้อีก)
3. ใช้กลยุทธ์เปรียบเทียบ
- “ร้านข้างๆ ขาย 60 หยวน”
- “1688 ขายแค่ 40 หยวน”
- “ถ้า 70 หยวน ผมไปซื้อร้านอื่น”
4. ซื้อเยอะขอลดเยอะ
- “ถ้าเอา 100 ชิ้น ราคาเท่าไหร่?”
- “ถ้าเอาทุกสี ลดได้ไหม?”
- “ถ้าสั่งประจำ ได้ราคาพิเศษไหม?”
5. จ่ายเงินสดได้ส่วนลด
- “现金有优惠吗?” (เงินสดมีส่วนลดไหม?)
- บางร้านลด 5-10% ถ้าจ่ายสด
มารยาทบนโต๊ะอาหาร
สิ่งที่ควรทำ
- รอเจ้าภาพเชิญ ก่อนนั่ง
- รินชาให้คนอื่นก่อน ตัวเองทีหลัง
- ชนแก้วต่ำกว่า คนที่อาวุโสกว่า
- ชิมทุกอย่าง แสดงว่าให้เกียรติ
- ชมอาหาร “好吃” (hǎochī = อร่อย)
- ปล่อยให้เจ้าภาพจ่าย อย่าแย่ง
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- ปักตะเกียบในข้าว = งานศพ
- พลิกปลา = เรือล่ม โชคร้าย
- กินหมดเกลี้ยง = เจ้าภาพดูแลไม่ดี
- ปฏิเสธเครื่องดื่ม = ไม่ให้เกียรติ
- ดื่มคนเดียว = ต้องชวนคนอื่น
- เล่นมือถือ ขณะกิน = ไม่สุภาพมาก
สิ่งที่ควร และไม่ควรทำ
DO – สิ่งที่ควรทำ
- ทักทาย “你好” กับทุกคนที่เจอ
- ยิ้ม แม้ไม่เข้าใจภาษา
- ใช้ WeChat แลกเปลี่ยน Contact
- ถ่ายรูปคู่กับ Supplier
- ให้ของขวัญเล็กๆ จากไทย
- แต่งตัวสุภาพ ดูมีฐานะ
- พูดชมสินค้า บริษัท ประเทศจีน
DON’T – สิ่งที่ไม่ควรทำ
- ชี้นิ้วใส่คน (ใช้มือทั้งหมด)
- ให้นาฬิกา (钟 = จบ), ร่ม (伞 = แยก)
- ใส่ชุดขาว-ดำล้วน (งานศพ)
- พูดเรื่องการเมือง
- แสดงอารมณ์รุนแรง
- ปฏิเสธคำเชิญทันที (ขอเวลาคิด)
- นัดเวลา 4 โมง (四 = ตาย)
เทคนิคการเจรจาต่อรอง
การสร้างความสัมพันธ์ (关系 Guanxi)
Guanxi คืออะไร
- ความสัมพันธ์ส่วนตัว + ธุรกิจ
- Trust และ Loyalty
- ช่วยเหลือ ซึ่งกัน และกัน
- ใช้เวลาสร้าง แต่คุ้มค่า
วิธีสร้าง Guanxi
1. Small Talk ก่อนคุยธุรกิจ
- ถามสารทุกข์สุขดิบ
- ถามเรื่องครอบครัว
- ชมบริษัท สินค้า
2. กินข้าวด้วยกัน
- ชวนกินข้าว = ให้เกียรติ
- เลี้ยงสลับกัน
- ดื่มด้วยกัน (พอประมาณ)
3. ให้ของขวัญ
- ของฝากจากไทย
- ห่อสวยๆ สีแดง/ทอง
- ให้-รับด้วย 2 มือ
4. ติดต่อสม่ำเสมอ
- ทักทาย WeChat
- อวยพรวันสำคัญ
- แชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
จังหวะการต่อรอง
Phase 1 : สร้างบรรยากาศ (10 นาที)
- ทักทาย พูดคุยเรื่องทั่วไป
- ชมร้าน ชมสินค้า
- สร้างความเป็นกันเอง
Phase 2 : ดูสินค้า (20 นาที)
- ถามรายละเอียด
- ขอดูหลายๆ แบบ
- ทดสอบคุณภาพ
- ไม่แสดงความชอบมาก
Phase 3 : เริ่มต่อราคา (15 นาที)
- ถามราคาแบบไม่ตรงประเด็น
- แสดงท่าทีลังเล
- บอกว่าแพงไป
- เปรียบเทียบกับร้านอื่น
Phase 4 : เจรจาจริงจัง (20 นาที)
- บอกราคาที่ต้องการ
- ยืนยันปริมาณที่จะซื้อ
- ขอ Extra (ถุง, ป้าย, ส่งฟรี)
- ใช้ Deadline Pressure
Phase 5 : ปิดดีล (10 นาที)
- สรุปข้อตกลง
- ยืนยันราคาสุดท้าย
- วิธีชำระเงิน
- กำหนดส่งของ
การขอส่วนลด และของแถม
ประโยคที่ใช้ได้ผล
1. “我是第一次来,给个朋友价”
(wǒ shì dì yī cì lái, gěi gè péngyǒu jià)
= ผมมาครั้งแรก ขอราคาเพื่อนหน่อย
2. “长期合作,价格好一点”
(chángqī hézuò, jiàgé hǎo yīdiǎn)
= ร่วมงานระยะยาว ราคาดีหน่อย
3. “现金支付,有优惠吗?”
(xiànjīn zhīfù, yǒu yōuhuì ma?)
= จ่ายเงินสด มีส่วนลดไหม?
4. “买这么多,送点什么?”
(mǎi zhème duō, sòng diǎn shénme?)
= ซื้อเยอะขนาดนี้ แถมอะไรให้บ้าง?
5. “最后一口价,行不行?”
(zuìhòu yī kǒu jià, xíng bùxíng?)
= ราคาสุดท้าย ตกลงไหม?
การปิดดีล
เทคนิคปิดการขาย
1. Limited Time
- “ถ้าตกลงวันนี้ เอาเลย”
- “พรุ่งนี้ผมกลับไทยแล้ว”
2. Volume Leverage
- “ถ้าได้ราคานี้ ผมเอา 500 ชิ้น”
- “เดือนหน้าสั่งเพิ่มอีก”
3. Walk Away
- “ถ้าไม่ได้ ไม่เป็นไร”
- เดินออกช้าๆ (เขาจะเรียก)
4. Final Push
- “ลด 5 หยวน ปิดดีลเลย”
- “ถ้า 65 หยวน ผมโอนเงินเลย”
เคล็ดลับการใช้ภาษา และวัฒนธรรม
Body Language ที่คนจีนชอบ
- ยิ้ม – แก้ทุกสถานการณ์
- พยักหน้า – แสดงว่าฟัง
- ใช้มือประกอบ – ตัวเลข ขนาด
- ยืนใกล้ – แสดงความเป็นมิตร (แต่อย่าใกล้เกิน)
- สบตา – แสดงความจริงใจ
คำพูดที่คนจีนชอบฟัง
- “中国很好” (จีนดีมาก)
- “你们的产品质量好” (สินค้าคุณคุณภาพดี)
- “下次再来” (ครั้งหน้าจะมาอีก)
- “介绍朋友来” (จะแนะนำเพื่อนมา)
- “长期合作” (ร่วมงานระยะยาว)
ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำ
- พูดเสียงดังเกินไป – คนจีนจะคิดว่าก้าวร้าว
- รีบร้อนเกินไป – ต้องใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์
- ไม่ต่อรองเลย – เขาคิดว่าคุณโง่ หรือรวยมาก
- ต่อรองแรงเกินไป – ทำลายความสัมพันธ์
- ไม่รักษาคำพูด – จะไม่ได้ราคาดีครั้งหน้า
- ลืมติดต่อ – Guanxi หายไป ต้องสร้างใหม่
- ไม่เคารพอาวุโส – พูดกับเจ้านายก่อนลูกน้อง
Checklist ภาษา และวัฒนธรรม
ก่อนไป 1 สัปดาห์
- ฝึกตัวเลข 1-100
- ท่องประโยคซื้อของ 10 ประโยค
- ดู YouTube การต่อรองของคนจีน
- ฝึกการแลกนามบัตร
ก่อนไป 1 วัน
- Review คำศัพท์สินค้า
- เตรียมของขวัญ (ถ้ามี)
- ซ้อมการทักทาย
- เตรียมคำถามธุรกิจ
ระหว่างเจรจา
- ยิ้ม สบตา
- ใช้ภาษาจีนเท่าที่ทำได้
- แลกนามบัตรถูกวิธี
- จด Note ข้อตกลง
การเข้าใจภาษา และวัฒนธรรมจีน จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการเจรจา สร้างความประทับใจ และได้ราคาที่ดี ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญ คือ การวางแผนการขนส่ง และภาษี เพราะสินค้าราคาถูก แต่ถ้าค่าขนส่งแพง ภาษีสูง ก็ไม่คุ้มเช่นกัน
วางแผนการขนส่ง และภาษี
“ซื้อของมา 10,000 บาท จ่ายค่าขนส่ง+ภาษี 15,000 บาท” นี่ คือ ฝันร้ายของมือใหม่ ที่ไม่ทำการบ้านมาก่อน หลายคนตื่นเต้นกับราคาสินค้าที่ถูกมาก ลืมคิดต้นทุนค่าขนส่ง และภาษี พอรวมแล้วแพงกว่าซื้อในไทยเสียอีก หรือบางคนส่งของผิดวิธี โดนจับ ของถูกยึด เสียทั้งเงินทั้งของ บทนี้ จะพาคุณเข้าใจระบบขนส่งทุกช่องทาง การคำนวณภาษีที่ถูกต้อง และเทคนิคประหยัดค่าใช้จ่าย รับรองว่าอ่านจบ ส่งของกลับไทยได้อย่างปลอดภัย ถูกกฎหมาย และคุ้มค่าที่สุด
วิธีการขนส่งกลับไทย
ขนส่งทางเรือ – ถูกที่สุดแต่ช้าที่สุด
เหมาะกับ: สินค้าปริมาณมาก น้ำหนักเยอะ ไม่รีบใช้
ประเภทการส่ง
1. LCL (Less than Container Load) – ส่งรวมตู้
- ปริมาณ : 1-15 ลูกบาศก์เมตร (CBM)
- ราคา : 2,500-3,500 บาท/CBM
- ระยะเวลา : 15-20 วัน
- ข้อดี : ถูก เหมาะกับของไม่เยอะ
- ข้อเสีย : ช้า มีความเสี่ยงของหาย
- Tips : รวมของกับคนอื่น ประหยัดค่าใช้จ่าย
2. FCL (Full Container Load) – เช่าตู้ทั้งตู้
- ขนาดตู้ 20 ฟุต : ประมาณ 28-30 CBM
- ขนาดตู้ 40 ฟุต : ประมาณ 58-60 CBM
- ราคา : 35,000-45,000 บาท/ตู้ 20 ฟุต
- ข้อดี : ปลอดภัย ส่งได้เยอะ ต่อ CBM ถูกมาก
- ข้อเสีย : ต้องมีของเยอะ ใช้เงินก้อนใหญ่
การคำนวณ CBM
CBM = กว้าง(ม.) x ยาว(ม.) x สูง(ม.)
ตัวอย่าง : กล่องขนาด 50cm x 40cm x 30cm
= 0.5 x 0.4 x 0.3 = 0.06 CBM
ถ้ามี 100 กล่อง = 6 CBM
ค่าส่ง = 6 x 3,000 = 18,000 บาท
ขั้นตอนส่งทางเรือ
- หา Freight Forwarder (บริษัทขนส่ง)
- ขอใบเสนอราคา (Quotation)
- จอง Booking ล่วงหน้า 3-5 วัน
- ส่งของไปท่าเรือ กว่างโจว/เซินเจิ้น
- ทำเอกสาร Packing List, Invoice
- ติดตาม Tracking ผ่าน Bill of Lading
- ไปรับของ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง/คลองเตย
ขนส่งทางอากาศ – เร็วแต่แพง
เหมาะกับ : สินค้ามูลค่าสูง เร็ว แฟชั่นที่ตามเทรนด์
ประเภทการส่ง
1. Air Cargo (ส่งแยกต่างหาก)
- ราคา : 150-250 บาท/กก.
- ระยะเวลา : 5-7 วัน
- น้ำหนักขั้นต่ำ : 45 กก.
- ข้อดี : เร็ว ปลอดภัย
- ข้อเสีย : แพง มีข้อจำกัดสินค้า
2. พกขึ้นเครื่องกลับเอง
- น้ำหนัก : ตามสายการบิน (20-30 กก.)
- ข้อดี : ได้ของเร็วสุด ไม่ต้องทำเอกสาร
- ข้อเสีย : จำกัดปริมาณ เหนื่อย
- Tips : ซื้อน้ำหนักเพิ่ม ถูกกว่า Excess
3. พัสดุด่วน (DHL, FedEx, EMS)
- ราคา : 300-500 บาท/กก.
- ระยะเวลา : 3-5 วัน
- ข้อดี : สะดวก Door to Door
- ข้อเสีย : แพงมาก
- เหมาะกับ : ตัวอย่างสินค้า เอกสารสำคัญ
การคำนวณ Chargeable Weight
ทางอากาศคิดแบบไหนแพงกว่า
- น้ำหนักจริง (Actual Weight)
- น้ำหนักปริมาตร (Volume Weight) = กxยxส(ซม.) ÷ 6,000
ตัวอย่าง : กล่อง 10 กก. ขนาด 60x50x40 ซม.
Volume = (60x50x40) ÷ 6,000 = 20 กก.
คิดค่าส่ง = 20 กก. (เพราะมากกว่า 10 กก.)
ขนส่งทางบก – สมดุลระหว่างราคาและเวลา
เหมาะกับ : สินค้าปริมาณปานกลาง ต้องการความเร็วพอสมควร
เส้นทางหลัก
1. ผ่านลาว (R3A)
- เส้นทาง : คุนหมิง → บ่อเต็น → เชียงของ
- ระยะเวลา : 7-10 วัน
- ราคา : 80-120 บาท/กก.
- ข้อดี : เร็วกว่าเรือ ถูกกว่าเครื่องบิน
- ข้อเสีย : ต้องผ่านด่าน 2 ประเทศ
2. ผ่านเวียดนาม
- เส้นทาง : นานหนิง → ดานัง → มุกดาหาร
- ระยะเวลา : 10-12 วัน
- ราคา : 70-100 บาท/กก.
- ข้อดี : มีรถตรงถึงกรุงเทพ
3. รถด่วนพิเศษจีน-ลาว (ใหม่)
- รถไฟความเร็วสูง : คุนหมิง-เวียงจันทน์
- ระยะเวลา : 5-7 วัน
- ราคา : 100-150 บาท/กก.
- ข้อดี : เร็ว แม่นยำ
- ข้อเสีย : ยังไม่แพร่หลาย
การคำนวณภาษีนำเข้า
พิกัดศุลกากร และอัตราภาษี
ภาษีที่ต้องจ่าย 3 ประเภท
1. อากรขาเข้า (Import Duty)
สินค้าแฟชั่น
- เสื้อผ้า : 30%
- กระเป๋าหนัง : 20%
- รองเท้า : 30%
- เครื่องประดับ : 20%
สินค้าทั่วไป
- เครื่องใช้ไฟฟ้า : 10-20%
- ของเล่น : 10%
- เครื่องสำอาง : 20-30%
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ : 0-10%
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7%
- คำนวณจาก : (CIF + อากรขาเข้า) x 7%
3. ภาษีสรรพสามิต (บางประเภท)
- เครื่องสำอาง : 15-30%
- น้ำหอม : 15%
- นาฬิกาแพง : 20%
ตัวอย่างการคำนวณภาษีจริง
Case Study : นำเข้าเสื้อผ้า มูลค่า 100,000 บาท
ราคาสินค้า (FOB) : 100,000 บาท
ค่าขนส่ง+ประกัน : 15,000 บาท
CIF Value : 115,000 บาท
อากรขาเข้า (30%) : 34,500 บาท
ฐานภาษี VAT : 149,500 บาท (115,000+34,500)
VAT (7%) : 10,465 บาท
รวมภาษีทั้งหมด : 44,965 บาท
ต้นทุนรวม : 159,965 บาท
(เพิ่มขึ้น 60% จากราคาสินค้า)
วิธีประหยัดภาษี (ถูกกฎหมาย)
1. ใช้สิทธิ์ Section 86/87
- สินค้าตัวอย่างไม่เกิน 10 ชิ้น
- ลดภาษี 50-80%
- ต้องทำเครื่องหมาย “SAMPLE”
2. ของใช้ส่วนตัว
- มูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท
- ได้รับยกเว้นภาษี
- แต่ต้องพิสูจน์ว่า ไม่ใช่เพื่อการค้า
3. นำเข้าแบบ Temporary
- สินค้าจัดแสดง/ทดสอบตลาด
- วางประกัน ได้คืนเมื่อส่งออก
- ใช้ได้ 6 เดือน
4. BOI / Free Zone
- ถ้ามีบริษัท BOI ได้ยกเว้นอากร
- แต่ต้องส่งออก 80%
การขอใบ Invoice ที่ถูกต้อง
ข้อมูลที่ต้องมีใน Commercial Invoice
- Seller Information – ชื่อ ที่อยู่ ผู้ขาย
- Buyer Information – ชื่อ ที่อยู่ ผู้ซื้อ
- Invoice No. & Date – เลขที่ และวันที่
- Description – รายละเอียดสินค้า
- HS Code – พิกัดศุลกากร
- Quantity – จำนวน
- Unit Price – ราคาต่อหน่วย
- Total Value – มูลค่ารวม
- Incoterms – FOB, CIF, EXW
- Payment Terms – เงื่อนไขการชำระ
Tips Under/Over Invoice อย่าทำ แม้หลายคนจะแนะนำ
- Under Invoice = แจ้งราคาต่ำกว่าจริง
- ผิดกฎหมาย โทษจำคุก 1-10 ปี
- โดนตรวจ ปรับ 4 เท่าของภาษีที่หนี
- ถูก Blacklist นำเข้าไม่ได้อีก
Shipping Agent และ Freight Forwarder
เลือก Shipping Agent ยังไง
Shipping Agent ดีต้องมี
- ใบอนุญาต – Freight Forwarder License
- ประสบการณ์ – อย่างน้อย 3-5 ปี
- Network – มีพาร์ทเนอร์ ทั้งจีน และไทย
- ราคาชัดเจน – ไม่มีค่าแอบแฝง
- ติดตามได้ – มีระบบ Tracking
- ประกัน – กรณีของหาย/เสียหาย
บริษัทที่แนะนำ
1. Kerry Express
- จุดเด่น : มีสาขาทั่วจีน
- ราคา : ปานกลาง
- บริการ : Door to Door
- ติดต่อ : 1217
2. Best Express
- จุดเด่น : ถูก รวมของได้
- ราคา : 60-80 บาท/กก.
- ระยะเวลา : 10-15 วัน
- ติดต่อ : Line @bestexpress
3. Flash Express
- จุดเด่น : เร็ว มี App ติดตาม
- ราคา : 80-120 บาท/กก.
- ระยะเวลา : 7-10 วัน
4. China Post
- จุดเด่น : ถูกมาก
- ราคา : 40-60 บาท/กก.
- ข้อเสีย : ช้า 20-30 วัน
เอกสารที่ต้องเตรียม
เอกสารสำหรับ Shipping
- Packing List – รายการสินค้า
- Commercial Invoice – ใบกำกับสินค้า
- Bill of Lading (B/L) – ใบตราส่ง
- Certificate of Origin – ใบรับรองแหล่งกำเนิด
- Import License – ใบอนุญาตนำเข้า (บางประเภท)
Template Packing List
PACKING LIST
Date : [วันที่]
Invoice No : [เลขที่]
From : [ชื่อร้านจีน]
To : [ชื่อคุณ]
Item | Description | Qty | Unit | Total
—–|————|—–|——|——-
1 | T-Shirt | 100 | pcs | 100
2 | Jeans | 50 | pcs | 50
Total : 150 pieces
Gross Weight : 75 kg
Net Weight : 70 kg
No. of Packages : 5 cartons
การติดตามสินค้า
ขั้นตอนติดตาม
1. รับ Tracking Number จาก Agent
2. เช็คสถานะ ทุก 2-3 วัน
3. ติดตามจุดสำคัญ
- ออกจากคลังจีน
- ถึงด่านชายแดน
- ผ่านพิธีการศุลกากร
- อยู่ระหว่างจัดส่ง
4. เตรียมรับของ
- เตรียมเงินจ่ายภาษี
- เตรียมรถรับของ
- เตรียมที่เก็บสินค้า
เทคนิครวมของจากหลายร้าน
วิธีรวมของ (Consolidation)
1. ส่งไปคลังรวม
- Agent มีคลังในจีน
- ร้านค้าส่งของไปที่เดียวกัน
- รวมเป็น Shipment เดียว
- ประโยชน์
- ประหยัดค่าส่ง 30-40%
- ทำพิธีการครั้งเดียว
- จัดการง่าย
ค่าใช้จ่าย
- ค่าคลัง : 50-100 หยวน/CBM/วัน
- ค่า Repack : 20-50 หยวน/กล่อง
- ค่า Consolidation : 200-500 หยวน/ครั้ง
ตัวอย่างการประหยัด
แยกส่ง 3 ร้าน
ร้าน A : 30 กก. = 3,000 บาท
ร้าน B : 25 กก. = 2,500 บาท
ร้าน C : 20 กก. = 2,000 บาท
รวม : 7,500 บาท
รวมส่ง
75 กก. = 5,250 บาท
ค่า Consolidation = 500 บาท
รวม : 5,750 บาท
ประหยัด : 1,750 บาท (23%)
เคล็ดลับการขนส่งแบบมืออาชีพ
เลือกวิธีส่งตามประเภทสินค้า
ประเภทสินค้า | แนะนำ | เหตุผล |
---|---|---|
เสื้อผ้าแฟชั่น | ทางอากาศ | ตามเทรนด์เร็ว |
กระเป๋าหนัง | ทางเรือ | ทนการขนส่ง |
อิเล็กทรอนิกส์ | ทางอากาศ | มูลค่าสูง เสี่ยงชำรุด |
ของใช้ในบ้าน | ทางเรือ | ปริมาณมาก ไม่รีบ |
เครื่องสำอาง | ทางบก | ต้องควบคุมอุณหภูมิ |
ของเล่น | ทางเรือ | ถูก ไม่แตกง่าย |
จังหวะส่งของที่ดี
ช่วงที่ควรส่ง
- มี.ค.-พ.ค. : Low Season ค่าส่งถูก
- ก.ย.-พ.ย. : ก่อน Peak Season
ช่วงที่ควรหลีกเลี่ยง
- ธ.ค.-ก.พ. : ตรุษจีน รอนาน แพง
- พ.ย. (11.11) : ช่วง Sale คนส่งเยอะ
การแพ็คสินค้าให้ปลอดภัย
- ใช้กล่อง 5 ชั้น – ทนแรงกระแทก
- Bubble Wrap 2 ชั้น – ของแตกง่าย
- ซีลเทปรอบกล่อง – กันน้ำ กันขโมย
- ติด Fragile – ของแตกง่าย
- ใส่ Packing List – ในและนอกกล่อง
- ถ่ายรูปก่อนปิดกล่อง – เป็นหลักฐาน
ข้อควรระวังและปัญหาที่พบบ่อย
1. สินค้าต้องห้าม/ต้องขออนุญาต
- อาหาร ยา เครื่องสำอาง → อย.
- เสื้อผ้ามือสอง → กรมการค้าต่างประเทศ
- อุปกรณ์สื่อสาร → กสทช.
- ของเลียนแบบ → ผิดกฎหมาย
2. ปัญหาที่พบบ่อย
- ของหาย : ถ่ายรูป+วิดีโอตอนแพ็ค
- ของชำรุด : เคลมประกันทันที
- โดนแก๊งค์มิจฉาชีพ : ใช้ Agent ที่เชื่อถือได้
- ภาษีแพงเกินคาด : คำนวณก่อนสั่ง
- ติดด่านนาน : เตรียมเอกสารให้ครบ
Checklist การขนส่ง
ก่อนส่งของ
- เปรียบเทียบราคา 3 Agent
- คำนวณภาษีแล้ว
- เช็คสินค้าต้องห้าม
- ถ่ายรูปสินค้าทุกชิ้น
- ทำ Invoice/Packing List
ระหว่างขนส่ง
- ติดตาม Tracking ทุกวัน
- เตรียมเงินจ่ายภาษี
- เตรียมเอกสาร Clear
- จัดรถรับของ
หลังรับของ
- เช็คของทันที
- เคลมถ้าเสียหาย
- เก็บเอกสารทุกใบ
- Review Agent
การวางแผนขนส่ง และภาษีที่ดี จะช่วยให้คุณควบคุมต้นทุนได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และได้รับสินค้าอย่างปลอดภัย ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญ คือ Checklist ก่อนออกเดินทาง เพื่อให้มั่นใจว่า เตรียมตัวครบ พร้อมลุยทุกสถานการณ์
เช็คลิสต์ก่อนออกเดินทาง
ถึงตอนนี้ คุณได้เตรียมตัวมา 9 ขั้นตอนแล้ว ตั้งแต่วางแผนงบประมาณ ยื่นวีซ่า จองตั๋ว ติดต่อ Supplier จนถึงวางแผนขนส่ง แต่ความสำเร็จ หรือล้มเหลวของทริป มักอยู่ที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ลืมเตรียม พาสปอร์ตลืมที่บ้าน Power Bank ไม่ชาร์จ ลืมพิมพ์ที่อยู่โรงแรม แค่นี้ ก็พังทั้งทริป บทสุดท้ายนี้ จะรวบรวม Checklist ทั้งหมดแบบ Timeline ชัดเจน พร้อม Tips & Tricks จากนักขายมือโปร รับรองว่าเช็คตามนี้ ไปจีนครั้งแรกก็ราบรื่นเหมือนไปครั้งที่ 10
ก่อนเดินทาง 1 เดือน
เอกสาร และวีซ่า
- ตรวจสอบพาสปอร์ต – อายุเหลือ 6 เดือน+, หน้าว่าง 2 หน้า
- ยื่นวีซ่าจีน – เตรียมเอกสาร, จองคิว, ยื่นล่วงหน้า 3 สัปดาห์
- ถ่ายสำเนาเอกสาร – พาสปอร์ต 5 ชุด, วีซ่า 3 ชุด, บัตรประชาชน 2 ชุด
- ทำนามบัตร 2 ภาษา – ไทย-อังกฤษ หรือ ไทย-จีน 200 ใบ
- สแกนเอกสารเก็บใน Cloud – พาสปอร์ต, วีซ่า, ใบจองต่างๆ
การเงิน
- สมัคร UnionPay Card – ใช้เวลาทำ 7 วัน
- ติดต่อธนาคาร – แจ้ง Travel Alert, ขอเพิ่ม Limit บัตรเครดิต
- เปิดบัญชี Alipay – ลงแอพ, Verify, Link บัตรเครดิต
- จองอัตราแลกเปลี่ยน – ถ้าเรทดี จองไว้ก่อน
การติดต่อธุรกิจ
- ค้นหา Supplier ใน 1688 – เลือก 20-30 ร้าน
- ส่งอีเมลแนะนำตัว – ขอราคา, MOQ, นัดหมาย
- Add WeChat – Supplier ที่สนใจ
- หา Shipping Agent – เปรียบเทียบราคา 3-5 ราย
- ศึกษาพิกัดภาษี – สินค้าที่จะนำเข้า
จอง และวางแผน
- จองตั๋วเครื่องบิน – เช็คน้ำหนัก, เวลา, Terminal
- จองที่พัก – ใกล้ตลาด/MRT, อ่านรีวิว
- ทำประกันการเดินทาง – ครอบคลุมค่ารักษา + ของหาย
- วางแผนเส้นทาง – ตลาดไหน วันไหน เวลาไหน
ก่อนเดินทาง 2 สัปดาห์
เตรียมเทคโนโลยี
- ลง VPN 2 ตัว – ExpressVPN + NordVPN (สำรอง)
- ทดสอบ VPN – ต้องใช้ได้ก่อนไปจีน
- ลงแอพแปลภาษา – Pleco, Google Translate, Baidu
- ลงแอพเดินทาง – Baidu Maps, DiDi, Metro App
- ลง WeChat – สมัคร, Verify (ให้เพื่อนช่วย)
- ลง 1688, Taobao – ดูสินค้า, เปรียบเทียบราคา
- Download แผนที่ออฟไลน์ – Google Maps บริเวณที่จะไป
- บันทึกเบอร์ฉุกเฉิน – สถานกงสุล, โรงแรม, Agent
การเงิน (ต่อ)
- แลกเงินหยวน 50% – ที่ Super Rich
- เตรียมเงินสดไทย – สำรองฉุกเฉิน 5,000 บาท
- เช็คค่าธรรมเนียมบัตร – Foreign Transaction Fee
- ตั้ง SMS Alert – ทุก Transaction
ติดตาม Supplier
- Confirm นัดหมาย – ส่ง WeChat ยืนยันอีกรอบ
- ขอแผนที่/วิธีไปร้าน – Screenshot เก็บไว้
- เตรียมคำถาม – List สิ่งที่จะถาม
- เตรียม Reference – รูปสินค้าที่ต้องการ
ก่อนเดินทาง 3 วัน
เอกสาร และข้อมูล
พิมพ์เอกสารสำคัญ
- ตั๋วเครื่องบิน (ขาไป-กลับ)
- ใบจองโรงแรม
- ประกันการเดินทาง
- ที่อยู่โรงแรม (ภาษาจีน)
- รายชื่อ Supplier + ที่อยู่
ทำ Supplier Schedule – ตารางนัดแต่ละวัน
Check-in Online – เลือกที่นั่ง, พิมพ์ Boarding Pass
เช็คสภาพอากาศ – เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม
การเงิน (Final)
- แลกเงินที่เหลือ – อีก 50%
- แบ่งเงิน – ใส่ซอง แยกเก็บหลายที่
- เติม Alipay Tour Pass – 1,000-2,000 หยวน
- เตรียมซองแดง – ใส่เงิน 100 หยวน x 10 ซอง
อุปกรณ์
- ชาร์จ Power Bank – Full 100%
- เตรียม Adapter – ปลั๊กจีน Type A/C/I
- ตรวจสอบสายชาร์จ – มือถือ, Power Bank
- เตรียมถุง Vacuum – อัดเสื้อผ้า ประหยัดพื้นที่
- ตาชั่งกระเป๋า – เช็คน้ำหนักก่อนไป
สิ่งของที่ต้องพกติดตัว
ใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง
เอกสาร (ใส่แฟ้มแยก)
- พาสปอร์ต + วีซ่า
- ตั๋วเครื่องบิน
- ใบจองโรงแรม
- บัตรประชาชน
- บัตรเครดิต 2-3 ใบ
- นามบัตร 50 ใบ
- ปากกา 2 ด้าม
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- มือถือ + สายชาร์จ
- Power Bank (ห้ามเกิน 20,000 mAh)
- หูฟัง
- Adapter
- กล้องถ่ายรูป (ถ้ามี)
ของใช้จำเป็น
- ยาประจำตัว
- หน้ากาก N95 (ฝุ่น PM2.5)
- เจลล้างมือ
- ทิชชู่
- ของกินเล่น/ขนม
เงิน และการเงิน
- เงินสดหยวน 1,000-2,000
- เงินบาท 2,000-3,000
- บัตร UnionPay
- Emergency Cash (ซ่อนในที่ลับ)
ใส่กระเป๋าโหลด
เสื้อผ้า (5 วัน 4 คืน)
- ชุดทำงาน 2 ชุด (เจรจาธุรกิจ)
- ชุดลำลอง 3 ชุด (เดินตลาด)
- ชุดนอน 1 ชุด
- ชุดชั้นใน 5 ชุด
- ถุงเท้า 5 คู่
- รองเท้าผ้าใบ (เดินทั้งวัน)
- รองเท้าคัทชู (งานเลี้ยง)
- เสื้อกันหนาว/แจ็คเก็ต
อุปกรณ์ธุรกิจ
- สมุดโน้ต 2 เล่ม
- ปากกา 5 ด้าม
- ไฮไลท์
- กรรไกร/คัตเตอร์
- เทปใส
- ถุงผ้า (ใส่ตัวอย่างสินค้า)
- นามบัตร 150 ใบ
- ของฝาก (ถ้ามี)
ของใช้ส่วนตัว
- ชุดอาบน้ำ (แชมพู, สบู่, ยาสีฟัน)
- ผ้าเช็ดตัว
- ครีมกันแดด
- ยาสามัญประจำบ้าน
- ร่ม (ขนาดพก)
อุปกรณ์ตรวจสินค้า
- ตลับเมตร
- ไฟฉาย (ดูตะเข็บ)
- แว่นขยาย
- ถุงมือ (จับของสกปรก)
ใน Smartphone
แอพที่ต้องมี
- WeChat (Login แล้ว)
- Alipay (เติมเงินแล้ว)
- VPN (2 ตัว)
- แอพแปลภาษา (Download ออฟไลน์)
- Baidu Maps
- DiDi
- 1688/Taobao
- Trip.com
ข้อมูลที่ต้อง Save
- Screenshot ที่อยู่โรงแรม (จีน)
- รายชื่อ Supplier + WeChat
- แผนที่ตลาด
- ตาราง MRT
- เบอร์ฉุกเฉิน
- ตัวอย่างสินค้า (รูป)
- ประโยคจีนสำคัญ
Tips & Tricks จากมือโปร
10 ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำ
- ไม่ยืนยันนัดหมายซ้ำ – Supplier ลืม ไปไม่เจอ
- พกเงินสดน้อยเกิน – บางที่ Alipay ใช้ไม่ได้
- ไม่มี VPN สำรอง – ตัวหลักล่ม ติดต่อบ้านไม่ได้
- ซื้อของวันแรก – ยังไม่ได้เปรียบเทียบ
- ไม่เก็บใบเสร็จ – ทำบัญชีไม่ได้ เคลมภาษีไม่ได้
- ลืมเช็คของก่อนออกจากร้าน – กลับมาเคลมยาก
- ไม่ถ่ายรูป/วิดีโอ – ลืมราคา ลืมรุ่น
- กินอาหารผิดสำเร็จ – ท้องเสีย พักทั้งทริป
- ไว้ใจคนง่าย – โดนหลอก โดนแพง
- ไม่มี Plan B – พึ่งแผนเดียว พังทั้งทริป
เทคนิคการหาของแปลกใหม่
1. ไปตลาดเช้ามืด (5-7 โมง)
- ร้านค้าลงของใหม่
- คนน้อย เลือกได้สบาย
- เจ้าของร้านอารมณ์ดี ลดให้เยอะ
2. ดูร้านชั้น 4-5
- ค่าเช่าถูก ของถูกตาม
- มี Hidden Gems
- คนไม่ค่อยขึ้นไป การแข่งขันน้อย
3. ถาม Supplier ว่ามีอะไรใหม่
- “有新款吗?” (มีแบบใหม่ไหม?)
- ของใหม่ยังไม่ลง 1688
- ได้ Exclusive ขายคนเดียว
4. ดูของที่คนจีนซื้อ
- ร้านไหนคนจีนเยอะ = ของดี
- ดูว่าเขาซื้ออะไร
- ตามเทรนด์ท้องถิ่น
5. เดินตลาดกลางคืน
- บางตลาดเปิดถึง 21.00
- ของแปลก ของ Underground
- ราคาถูกกว่ากลางวัน
การสร้างเครือข่ายธุรกิจในจีน
1. แลก WeChat กับทุกคน
- Supplier, Agent, คนไทย, Guide
- สร้าง Network ไว้ใช้ทีหลัง
2. Post Moments
- รูปสินค้า ราคา
- Supplier เห็น จะส่งของใหม่มาให้
3. จอยกรุ๊ปคนไทย
- “คนไทยในกว่างโจว”
- “Thai Buyer in China”
- แลกข้อมูล ช่วยเหลือกัน
4. ไปงาน Trade Fair
- Canton Fair (เม.ย., ต.ค.)
- เจอ Supplier ใหม่ๆ
- ดูเทรนด์ล่วงหน้า 6 เดือน
5. หาพาร์ทเนอร์จีน
- คนจีนที่พูดไทยได้
- ช่วยประสานงาน
- Commission 3-5%
แหล่งข้อมูลที่ควร Follow
Facebook Groups
- “นำเข้าสินค้าจากจีน โดยมือโปร”
- “กว่างโจว อี้อู เซินเจิ้น ซื้อของ”
- “Sourcing Agent จีน”
- “ขายของออนไลน์ นำเข้าจากจีน”
YouTube Channels
- “พี่หนานนำเข้าจีน”
- “China Sourcing Guide”
- “ลุงเด้ง กว่างโจว”
Websites
- www.1688.com
- www.pantip.com/tag/กว่างโจว
- www.alibaba.com
WeChat Official Accounts
- “Thai in Guangzhou”
- “Thailand Business”
- “Yiwu Market Guide”
Emergency Contacts
เบอร์ฉุกเฉินในจีน
- ตำรวจ : 110
- ดับเพลิง : 119
- การแพทย์ฉุกเฉิน : 120
- Traffic Accident : 122
🇹🇭 สถานกงสุลไทยในจีน
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
- +86-20-8385-8988
- Emergency : +86-186-6641-9191
- 36th Floor, Garden Tower, 368 Huanshi Dong Lu
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
- +86-21-6288-3030
- Emergency : +86-139-1836-8659
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง
- +86-871-6316-8916
- Emergency : +86-138-8822-8836
Final Checklist วันเดินทาง
ก่อนออกจากบ้าน
- พาสปอร์ต + วีซ่า
- เงินสด (หยวน + บาท)
- บัตรเครดิต/UnionPay
- ตั๋วเครื่องบิน
- มือถือ (ชาร์จเต็ม)
- Power Bank (ชาร์จเต็ม)
- กุญแจบ้าน
ถึงสนามบิน
- Check-in
- ผ่าน Immigration
- แลกเงินเพิ่ม (ถ้าจำเป็น)
- ซื้อซิม (ถ้ายังไม่มี)
- เปิด VPN ทดสอบ
ถึงจีน
- ผ่าน Immigration
- รับกระเป๋า
- ผ่านศุลกากร
- เปิดมือถือ ติดต่อโรงแรม
- ไป Hotel Check-in
- ทดสอบ Alipay
- Confirm นัดพรุ่งนี้
ถึงตรงนี้ คุณได้ครบทั้ง 10 ขั้นตอนแล้ว ตั้งแต่การวางแผน การเตรียมเอกสาร การติดต่อ Supplier จนถึง Checklist สุดท้าย ทริปแรกอาจจะยังตื่นเต้น งงบ้าง ผิดพลาดบ้าง แต่นั่น คือ ประสบการณ์ที่มีค่า ทริปที่ 2, 3, 4 จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ
จำไว้ว่า
- ทุกคนเริ่มจากมือใหม่
- ความล้มเหลว คือ บทเรียน
- Supplier ที่ดี คือ ทรัพย์สินระยะยาว
- การนำเข้าไม่ใช่แค่ซื้อมาขาย แต่ คือ การสร้างธุรกิจ
ขอให้ทริปแรกของคุณ
- ปลอดภัย
- ได้ของดี ราคาถูก
- สร้าง Connection ดีๆ
- กลับมาพร้อมประสบการณ์
- และที่สำคัญ รวยววว
加油! (Jiāyóu!) – สู้ๆ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รีวิวตลาด โรงงาน แหล่งขายส่งเครื่องเขียนจีน และการนำเข้าเครื่องเขียนจากจีน เมืองอี้อู
ค้นพบแหล่งขายส่
ต.ค.
รีวิวตลาดวิกผมจากจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมคุณภาพ ความหลากหลาย และราคาที่คุ้มค่า
รีวิวตลาดวิกผมจ
ก.ย.
10 ขั้นตอนเตรียมตัว ก่อนบินไปหาสินค้าจีนมาขาย ต้องเริ่มยังไง ต้องอ่าน
หลายคนอาจเคยได้
ส.ค.
10 สินค้านำเข้าจากจีน ขายดีปี 2025 ที่พ่อค้าแม่ค้าต้องไม่พลาด
รวม 10 สินค้านำ
ส.ค.
วิธีทำแบรนด์เสื้อผ้า เริ่มต้นจาก 0 จนมีแบรนด์ตัวเอง | อัปเดต 2025
สอนวิธีทำแบรนด์
ก.ค.
สั่งตัดเสื้อผ้าที่จีน ดีอย่างไร? ลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้แบรนด์ของคุณ!
หลายคนอาจสงสัยว
ก.พ.
วันหยุดยาวของโรงงาน แหล่งขายส่งในจีน ที่พ่อค้าแม่ค้าสายนำเข้าดีลธุรกิจตัวจริงต้องรู้!!
FacebookFaceboo
ต.ค.
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเข้าตลาดเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในจีน บรรยากาศตลาดเสื้อผ้าที่จีน ช่วงเซลล์ เป็นอย่างไร เงียบจริงมั้ยในปี 2024?
FacebookFaceboo
ก.ย.