สั่งของผ่านเว็บ 1688 ว่าถูกแล้ว ถ้าไปถึงโรงงาน จะลดต้นทุนได้อีกเท่าไหร่

สั่งของผ่านเว็บ 1688 ว่าถูกแล้ว ถ้าไปถึงโรงงาน จะลดต้นทุนได้อีกเท่าไหร่

ประเด็นสำคัญ

  • การสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน มักมีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำกว่า แต่ต้องการจำนวนสั่งซื้อที่สูงกว่า
  • 1688 มอบความสะดวกสบาย และรองรับการสั่งซื้อจำนวนน้อย แต่มีราคาต่อหน่วยที่สูงกว่า
  • การประหยัดต้นทุน ขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อ ความต้องการในการปรับแต่งสินค้า และการจัดการโลจิสติกส์

การซื้อสินค้าโดยตรงจากโรงงาน มักถูกมองว่า เป็นช่องทางที่ถูกที่สุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอย่าง 1688 แล้วจะเห็นภาพที่ซับซ้อนกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว การสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน สามารถลดต้นทุนได้ จากการตัดคนกลางออกไป ในขณะที่ 1688 เสนอจำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำที่น้อยกว่า และเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ก็มักจะมีกำไรที่แฝงอยู่ และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเข้ามา การประหยัดที่แท้จริง จึงขึ้นอยู่กับขนาดของคำสั่งซื้อ ความต้องการในการปรับแต่งสินค้า และประสิทธิภาพในการจัดการด้านโลจิสติกส์

ผู้ที่สั่งซื้อในปริมาณมาก (Bulk) มักจะได้รับประโยชน์จากการสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงานมากกว่า เพราะจะได้ราคาต่อหน่วยที่ดีกว่า และสามารถควบคุมคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า ในทางกลับกัน 1688 อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า สำหรับการสั่งซื้อจำนวนน้อย หรือ เพื่อทดลองสินค้าใหม่ๆ แม้ว่าราคาต่อหน่วย อาจจะสูงกว่าก็ตาม

หัวใจสำคัญ อยู่ที่การชั่งน้ำหนัก ระหว่างการประหยัดในเบื้องต้น กับคุณค่าในระยะยาว แม้ว่า 1688 จะมอบความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว แต่การสั่งซื้อจากโรงงานโดยตรง มักให้กำไร (Margin) ที่ดีกว่าในระยะยาว หากมีปริมาณการสั่งซื้อ และมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่เพียงพอ

สารบัญเนื้อหา

1. การสั่งตรงจากโรงงาน vs. 1688 : ความแตกต่างด้านต้นทุนที่สำคัญ

2. ปัจจัยที่มีผลต่อการประหยัดต้นทุน เมื่อสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน

3. เปรียบเทียบแพลตฟอร์มจัดหาสินค้า : 1688, Alibaba และ Global Sources

4. ความเสี่ยง ความท้าทาย และต้นทุนแฝง

5. การเพิ่มอัตรากำไร และมูลค่าในระยะยาว

การสั่งตรงจากโรงงาน vs. 1688 : ความแตกต่างด้านต้นทุนที่สำคัญ

การจัดหาสินค้าโดยตรงจากโรงงาน และการสั่งซื้อผ่าน 1688 ต่างก็มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน แต่จะประหยัดได้มากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบราคา การมีอยู่ของตัวกลาง และผลกระทบของปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ ต่อต้นทุนต่อหน่วย ผู้ที่กำลังพิจารณาทั้งสองทางเลือกนี้ จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างค่าใช้จ่ายเริ่มต้น กับความสัมพันธ์ระยะยาวกับซัพพลายเออร์ และความยืดหยุ่นในการสั่งซื้อ

โครงสร้างราคา และส่วนต่างกำไร

โดยทั่วไป โรงงาน มักจะเสนอราคาหน้าโรงงาน (Ex-factory prices) ซึ่งสะท้อนต้นทุนการผลิตบวกกับกำไรเพียงเล็กน้อย ราคานี้ มักเป็นราคาที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะผู้ซื้อได้ติดต่อกับผู้ผลิตโดยตรง อย่างไรก็ตาม การสื่อสาร การเจรจาต่อรอง และการตรวจสอบโดยตรงนั้น ต้องใช้ความพยายามมากกว่า และอาจมีต้นทุนด้านเวลา และทรัพยากรในช่วงเริ่มต้นที่สูงกว่า

ในขณะที่ 1688 ยังคงเสนอราคาขายส่ง แต่ก็มักมีการบวกกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซัพพลายเออร์จำนวนมากบนแพลตฟอร์มนี้ อาจเป็นโรงงานผู้ผลิตเอง หรือเป็นบริษัทตัวแทนการค้า (Trading) ที่รับสินค้าจากโรงงานมาขายต่อ ซึ่งหมายความว่า ผู้ซื้อ อาจต้องจ่ายแพงกว่าการสั่งตรงจากโรงงานประมาณ 5–20% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า และโครงสร้างของซัพพลายเออร์

ในขณะเดียวกัน ราคาบน 1688 ก็ยังคงต่ำกว่าแพลตฟอร์ม สำหรับตลาดต่างประเทศอย่าง Alibaba.com เนื่องจากถูกสร้างมา เพื่อตลาดค้าส่งภายในประเทศจีนเป็นหลัก สำหรับผู้ซื้อรายย่อย ถึงขนาดกลาง ที่ไม่สามารถสั่งซื้อในปริมาณที่สูงมากได้ ความแตกต่างของราคาระหว่าง 1688 กับการสั่งตรงจากโรงงาน อาจไม่มากนัก แต่สำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก ราคาที่ได้จากโรงงานโดยตรง มักจะให้ความคุ้มค่ามากกว่า

บทบาทของคนกลาง และตัวแทน

ปัจจัยสำคัญ ที่มีอิทธิพลต่อต้นทุน คือ ซัพพลายเออร์นั้น เป็นผู้ผลิต หรือเป็นเพียงตัวแทนการค้า การสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน จะช่วยตัดคนกลางออกไป ทำให้ผู้ซื้อสามารถเจรจาต่อรองเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ การปรับเปลี่ยนสินค้าตามความต้องการ และตารางการผลิตได้ ซึ่งมักนำไปสู่เงื่อนไขที่ดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ด้านการจัดหาระยะยาว

บนแพลตฟอร์ม 1688 ผู้ซื้อต้องคัดกรองอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงคนกลาง สินค้าจำนวนมากถูกลงขายโดยบริษัทตัวแทนการค้า ที่ซื้อมาจากโรงงาน และนำมาขายต่อ เพื่อทำกำไร แม้ว่าตัวแทนเหล่านี้ จะช่วยให้การขนส่ง และการสื่อสารง่ายขึ้น แต่ก็ทำให้ความสามารถในการประหยัดต้นทุนลดลง

ตัวชี้วัดต่างๆ เช่น สัญลักษณ์ยืนยันว่า เป็นโรงงาน ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของสินค้า สามารถช่วยระบุผู้ผลิตตัวจริงบน 1688 ได้ ผู้ซื้อที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างตัวแทนการค้ากับโรงงาน อาจจบลงด้วยการจ่ายราคาที่สูงขึ้น โดยไม่ได้รับมูลค่าเพิ่มใดๆ

ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQ) และส่วนลด เมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก

ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQ) ถือเป็นหนึ่งในความแตกต่างด้านต้นทุนที่ใหญ่ที่สุด โรงงานมักกำหนด MOQ ไว้สูงกว่า เพราะต้องการเดินสายการผลิตในปริมาณมาก เช่น โรงงานอาจกำหนดขั้นต่ำที่ 1,000 ชิ้น ในขณะที่ซัพพลายเออร์บน 1688 อาจเสนอขายที่จำนวนน้อยกว่า เช่น 100–200 ชิ้น

ความยืดหยุ่นนี้ ทำให้ 1688 เป็นที่น่าสนใจ สำหรับธุรกิจที่กำลังทดลองสินค้าใหม่ หรือมีเงินทุนจำกัด อย่างไรก็ตาม ต้นทุนต่อหน่วย มักจะสูงขึ้น เมื่อสั่งซื้อในปริมาณน้อย ในทางตรงกันข้าม โรงงานจะให้รางวัลแก่การสั่งซื้อจำนวนมาก ด้วยส่วนลดที่สูงมาก ซึ่งบางครั้ง สามารถลดราคาต่อหน่วยได้ถึง 30–40% เมื่อปริมาณการสั่งซื้อถึงเกณฑ์ที่กำหนด

สำหรับผู้ซื้อที่กำลังขยายธุรกิจ การจัดหาสินค้าโดยตรงจากโรงงาน จะช่วยประหยัดต้นทุนต่อหน่วยได้มากกว่าในระยะยาว ส่วนธุรกิจขนาดเล็ก 1688 จะมอบความสมดุลระหว่าง MOQ ที่จัดการได้กับราคาขายส่งที่แข่งขันได้ แม้ว่ากำไรในระยะยาว อาจจะน้อยกว่าเล็กน้อยก็ตาม

ปัจจัยที่มีผลต่อการประหยัดต้นทุน เมื่อสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน

การประหยัดต้นทุน จากการสั่งซื้อโดยตรง มักขึ้นอยู่กับว่า ผู้ซื้อ สามารถบริหารจัดการการเจรจาต่อรอง การรับประกันคุณภาพสินค้า และการจัดการด้านการเงินได้ดีเพียงใด ซึ่งแต่ละส่วน สามารถช่วยลดต้นทุน หรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแฝง ที่มีผลต่อราคาสุดท้ายได้

อำนาจการต่อรอง และการปรับเปลี่ยนสินค้าตามความต้องการ

โดยทั่วไปแล้ว การสั่งซื้อโดยตรงกับโรงงาน ช่วยให้ผู้ซื้อ สามารถเจรจาต่อรองราคาได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น แทนที่จะต้องจ่ายในราคาที่กำหนดไว้ตายตัวบนแพลตฟอร์มอย่าง 1688 ผู้ซื้อสามารถพูดคุยเรื่องต้นทุนต่อหน่วย ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ และข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์ได้ ความยืดหยุ่นนี้ สามารถนำไปสู่ราคาต่อหน่วยที่ต่ำลง โดยเฉพาะเมื่อสั่งซื้อในปริมาณมาก

การปรับเปลี่ยนสินค้าตามความต้องการ (Customization) ก็มีส่วนช่วยในเรื่องประสิทธิภาพด้านต้นทุนเช่นกัน โรงงานสามารถปรับแก้คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ วัสดุ หรือการสร้างแบรนด์ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากคนกลาง ตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อที่ต้องการติดแบรนด์ของตัวเอง (Private Labeling) หรือปรับเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อย มักจะสามารถเจรจาให้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ รวมอยู่ในสัญญาการผลิตได้

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการเจรจา ขึ้นอยู่กับขนาดของคำสั่งซื้อ และการสร้างความสัมพันธ์ การสั่งซื้อในปริมาณน้อย อาจไม่ได้รับส่วนลดมากนัก ในขณะที่การสั่งซื้อจำนวนมาก และสม่ำเสมอ จะทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองที่สูงกว่า การสื่อสารความต้องการที่ชัดเจน ผ่านรายละเอียดคุณสมบัติที่ชัดเจน และการขอตัวอย่างสินค้า จะช่วยหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในภายหลังได้

การควบคุม และตรวจสอบคุณภาพ

ต้นทุนที่ประหยัดไป อาจหมดไปอย่างรวดเร็ว หากสินค้าที่ได้รับไม่ได้มาตรฐานตามที่คาดหวัง เมื่อสั่งซื้อโดยตรง ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบในการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) มากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม ที่บางครั้งอาจมีการคุ้มครองที่จำกัด การสั่งซื้อโดยตรง จึงมักต้องการการตรวจสอบที่เป็นอิสระ

ผู้ซื้อจำนวนมาก ใช้บริการบริษัทรับตรวจสอบคุณภาพจากภายนอก (Third-party inspection) เพื่อยืนยันว่า สินค้าสอดคล้องกับคุณสมบัติที่กำหนดไว้ก่อนการจัดส่ง การตรวจสอบเหล่านี้ อาจครอบคลุมถึงขนาด วัสดุ ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ แม้ว่าการตรวจสอบ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะได้รับสินค้าที่มีตำหนิ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน หรือแก้ไขที่สูงกว่ามาก

การขอตัวอย่างสินค้า ก่อนการผลิตจริง เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ ตัวอย่างสินค้า ช่วยให้ผู้ซื้อ สามารถยืนยันมาตรฐานคุณภาพ และทำการปรับแก้ได้ ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งผลิตในปริมาณมาก โรงงานอาจคิดค่าใช้จ่าย สำหรับตัวอย่าง แต่ก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น จากสินค้าคุณภาพต่ำทั้งล็อต

เงื่อนไขการชำระเงิน และช่องทางการทำธุรกรรม

การจัดการด้านการเงิน ส่งผลอย่างมากต่อต้นทุนที่ประหยัดได้โดยรวม โรงงานมักนิยมการโอนเงินผ่านธนาคาร (Bank Transfer / Wire Transfer) ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียม แต่ก็ช่วยลดการพึ่งพาบริการตัวกลางในการชำระเงิน (Escrow service) ผู้ซื้อที่ชำระเงินโดยตรง ต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จากการโอนเงินระหว่างประเทศ

เงื่อนไขการชำระเงิน มีความหลากหลาย บางโรงงานอาจขอให้ชำระเงินเต็มจำนวนล่วงหน้า ในขณะที่บางแห่งยอมรับการวางเงินมัดจำบางส่วน และชำระส่วนที่เหลือหลังการผลิต หรือการตรวจสอบเสร็จสิ้น การเจรจาเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ เช่น วางมัดจำ 30% และชำระส่วนที่เหลือ 70% หลังจากการตรวจสอบคุณภาพผ่าน จะช่วยป้องกันผู้ซื้อจากความสูญเสียทางการเงินหากเกิดปัญหาขึ้น

เอกสารที่ถูกต้อง ก็เป็นสิ่งสำคัญ ใบกำกับราคาสินค้า (Commercial Invoice) ควรกำหนดรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ปริมาณ และเงื่อนไขการชำระเงินไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้งสองฝ่ายมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร และลดข้อพิพาทให้เหลือน้อยที่สุด ผู้ซื้อที่จัดการเอกสารอย่างรอบคอบ และกำหนดตารางการชำระเงินให้สอดคล้อง กับขั้นตอนการตรวจสอบ มักจะสามารถควบคุมต้นทุน และความเสี่ยงได้ดีกว่า

เปรียบเทียบแพลตฟอร์มจัดหาสินค้า : 1688, Alibaba และ Global Sources

แพลตฟอร์มจัดหาสินค้าแต่ละแห่ง ถูกออกแบบมา เพื่อผู้ซื้อคนละประเภท และมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันในด้านราคา การเข้าถึง และความโปร่งใสของซัพพลายเออร์ การตัดสินใจเลือก มักขึ้นอยู่กับว่า ผู้ซื้อให้ความสำคัญกับเรื่องใดเป็นหลัก ระหว่างการประหยัดต้นทุน ความสะดวกในการใช้งาน หรือการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของซัพพลายเออร์

คุณสมบัติของแพลตฟอร์ม และการเข้าถึง

1688 คือ ตลาดค้าส่งภายในประเทศที่ออกแบบมา สำหรับผู้ค้าปลีก และผู้ผลิตชาวจีนโดยเฉพาะ แพลตฟอร์มทั้งหมดเป็นภาษาจีน ซึ่งสร้างอุปสรรคด้านภาษา สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังต้องใช้ที่อยู่ในจีน หรือตัวแทนบุคคลที่สาม ในการจัดส่ง ทำให้เข้าถึงได้ยาก หากไม่มีผู้ช่วยเหลือในพื้นที่

ในทางตรงกันข้าม Alibaba ออกแบบมา เพื่อผู้ซื้อจากทั่วโลก โดยมีการรองรับหลายภาษา ตัวเลือกการจัดส่งระหว่างประเทศ และเครื่องมืออำนวยความสะดวก เช่น Trade Assurance คุณสมบัติเหล่านี้ ช่วยให้ธุรกิจจากต่างประเทศใช้งานแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนจัดหาสินค้า

Global Sources และ Made-in-China.com อยู่กึ่งกลางระหว่างสองแพลตฟอร์มแรก ทั้งสองเป็นแพลตฟอร์ม สำหรับตลาดระหว่างประเทศ มีหน้าตาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ และหมวดหมู่สินค้าที่ละเอียดชัดเจน โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อระดับมืออาชีพ และมักจะมีรายชื่อซัพพลายเออร์ ที่ผ่านการคัดกรองมามากกว่า 1688 แต่มีความหลากหลายของสินค้าน้อยกว่า Alibaba

โดยสรุป คือ Alibaba เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ตามมาด้วย Global Sources และ Made-in-China ซึ่งเข้าถึงได้ในระดับปานกลาง และ 1688 เข้าถึงได้ยากที่สุด เว้นแต่ผู้ซื้อจะมีตัวช่วยอยู่ในประเทศจีน

การตรวจสอบซัพพลายเออร์ และความน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือของซัพพลายเออร์ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดหาสินค้าจากจีน Alibaba ใช้โปรแกรมการตรวจสอบยืนยัน การตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม และระบบ Trade Assurance เพื่อลดความเสี่ยง แม้ว่ามาตรการป้องกันเหล่านี้ จะไม่สามารถรับประกันคุณภาพได้ 100% แต่ก็เป็นเครื่องมือที่เป็นระบบ ในการคัดกรองซัพพลายเออร์ ที่ไม่น่าเชื่อถือออกไป

1688 มีกระบวนการตรวจสอบที่เป็นทางการน้อยกว่า ซัพพลายเออร์จำนวนมาก เป็นโรงงานขนาดเล็ก หรือผู้ค้าส่งที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ สำหรับตลาดในประเทศ แต่ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตส่งออก ผู้ซื้อจึงต้องทำการตรวจสอบด้วยตนเอง ซึ่งมักทำผ่านการสั่งซื้อตัวอย่าง หรือใช้บริการตรวจสอบจากบริษัทภายนอก

Global Sources ให้ความสำคัญกับการคัดกรอง และตรวจสอบล่วงหน้า ซัพพลายเออร์จำนวนมาก บนแพลตฟอร์มนี้ เป็นโรงงานผู้ผลิตที่พร้อมสำหรับการส่งออก และมีใบรับรองมาตรฐานสากล ทำให้เป็นที่น่าสนใจ สำหรับผู้ซื้อที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือมากกว่าราคาที่ถูก ที่สุด

Made-in-China.com ก็เน้นย้ำเรื่องการตรวจสอบซัพพลายเออร์เช่นกัน โดยมีการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และการตรวจสอบ ณ สถานประกอบการจริง ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศ สามารถระบุผู้ผลิตชาวจีนที่ถูกกฎหมายได้อย่างมั่นใจกว่าบน 1688

การกำหนดราคา สำหรับส่งออก เทียบกับราคาในประเทศ

โครงสร้างราคาจะแตกต่างกันไป ตามตลาดที่แต่ละแพลตฟอร์มให้บริการ 1688 แสดงราคาสินค้าในอัตราขายส่ง สำหรับตลาดในประเทศ ซึ่งโดยทั่วไป มักจะต่ำกว่าราคาของสินค้าชนิดเดียวกันบน Alibaba ประมาณ 30–50% เนื่องจากผู้ขายบน 1688 ไม่ได้รวมต้นทุนด้านการส่งออก การตลาดระหว่างประเทศ หรือค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มเข้าไปในราคา

ราคาบน Alibaba จะสูงกว่า เนื่องจากมีต้นทุนด้านใบอนุญาตส่งออก การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้ซื้อ ซัพพลายเออร์ มักจะบวกต้นทุนเหล่านี้ เข้าไปในใบเสนอราคา ซึ่งทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น แต่ก็ง่ายต่อการนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย

โดยทั่วไปแล้ว Global Sources และ Made-in-China จะมีระดับราคาใกล้เคียงกับ Alibaba เนื่องจากเน้นซัพพลายเออร์ที่พร้อมส่งออก ราคาที่แสดง จึงได้คำนวณรวมข้อกำหนดทางการค้าระหว่างประเทศไว้แล้ว ผู้ซื้ออาจไม่สามารถประหยัดต้นทุนได้เท่ากับบน 1688 แต่จะได้รับความแน่นอนในด้านกฎระเบียบ และการขนส่งมากกว่า

สำหรับธุรกิจที่กำลังเปรียบเทียบแพลตฟอร์มต่างๆ ข้อแลกเปลี่ยนนั้นชัดเจน : 1688 เสนอราคาที่ต่ำที่สุด แต่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ในการตรวจสอบ และจัดการด้านโลจิสติกส์ ในขณะที่ Alibaba, Global Sources และ Made-in-China มีราคาสูงกว่า แต่ก็มอบโซลูชัน ที่พร้อมสำหรับการส่งออก และสะดวกสบายกว่า

ความเสี่ยง ความท้าทาย และต้นทุนแฝง

การสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน สามารถช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ก่อให้เกิดความซับซ้อน ที่ส่งผลกระทบต่องบประมาณ กำหนดการ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปัญหาที่ผู้ซื้อต้องเตรียมรับมือ เมื่อทำการสั่งซื้อ โดยไม่ผ่านตัวกลางที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การสื่อสารที่ผิดพลาด การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่หละหลวม และปัญหาด้านโลจิสติกส์ที่คาดเดาได้ยาก

นำเข้าสินค้าจีน ขนส่งจีน-ไทย ครบวงจร CVT Cargo, China4trip

อุปสรรคด้านภาษา และการสื่อสาร

บ่อยครั้ง ที่โรงงาน มีบุคลากร ที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษที่จำกัด ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิด เกี่ยวกับข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์ หรือมาตรฐานคุณภาพได้ แม้ความผิดพลาดในการแปลเพียงเล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่การใช้วัสดุที่ไม่ถูกต้อง ข้อบกพร่องในการออกแบบ หรือความล่าช้าในการผลิต

ในบางครั้ง ผู้ซื้อต้องพึ่งพาตัวแทนจัดหาสินค้า (Sourcing Agent) หรือนักแปลจากภายนอก ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุน ที่ไปหักลบกับส่วนต่างราคาที่ประหยัดได้ หากไม่มีเอกสารที่ชัดเจน การโต้แย้ง เกี่ยวกับรายละเอียดคำสั่งซื้อ จะยิ่งแก้ไขได้ยากขึ้น

แนวทางที่เป็นระบบ จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้

  • สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งแปลเป็นทั้งสองภาษา
  • สื่อช่วยอธิบายที่เป็นภาพ เช่น แผนภาพ หรือสินค้าตัวอย่าง
  • การประชุมผ่านวิดีโอคอล เป็นประจำ เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน

บางบริษัท เลือกที่จะเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อตรวจสอบกำลังการผลิต และเพื่อให้มั่นใจว่า คำสั่งต่างๆ เป็นที่เข้าใจอย่างถูกต้อง แม้วิธีนี้ จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ก็มักจะช่วยป้องกันต้นทุนที่สูง จากการต้องแก้ไขงาน หรือความผิดพลาดในการจัดส่งในภายหลังได้

ทรัพย์สินทางปัญญา และข้อพิจารณาทางกฎหมาย

การสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงาน เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากไม่มีข้อตกลงที่รัดกุม การออกแบบผลิตภัณฑ์ โลโก้ หรือบรรจุภัณฑ์ อาจถูกลอกเลียนแบบ หรือนำไปขายให้กับผู้ซื้อรายอื่นได้ การสั่งซื้อโดยตรง มักจะไม่มีระบบการระงับข้อพิพาทในตัว เหมือนแพลตฟอร์มอย่าง 1688

บริษัทต่างๆ มักใช้สัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล (NDA – Non-Disclosure Agreement) และเงื่อนไขการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในสัญญา อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดน อาจเป็นเรื่องยาก และมีค่าใช้จ่ายสูง ระบบกฎหมายในประเทศผู้ผลิต อาจไม่ได้ให้ความคุ้มครองในระดับเดียว กับประเทศบ้านเกิดของผู้ซื้อ

ขั้นตอนที่ปฏิบัติได้จริง คือ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และสิทธิบัตรในประเทศผู้ผลิต ก่อนที่จะทำการสั่งซื้อในปริมาณมาก ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานทางกฎหมายไว้ ในกรณีที่เกิดข้อพิพาทขึ้น ผู้ซื้อบางราย ยังร่วมมือกับสำนักงานกฎหมายท้องถิ่น เพื่อร่างสัญญาที่สามารถบังคับใช้ได้ และเหมาะสมกับกฎหมายในภูมิภาคนั้นๆ

การขนส่ง โลจิสติกส์ และระยะเวลาการจัดส่ง

การจัดส่งสินค้า โดยตรงจากโรงงาน จำเป็นต้องมีการจัดการด้านโลจิสติกส์ ระหว่างประเทศด้วยตนเอง โดยไม่มีเครือข่ายสนับสนุน ที่เชื่อมต่อไว้ให้เหมือนในมาร์เก็ตเพลส ผู้ซื้อต้องประสานงานกับผู้รับจัดการขนส่ง (Freight Forwarder), ดำเนินพิธีการศุลกากร, และจัดการการจัดส่งสินค้าถึงปลายทางด้วยตนเอง ความผิดพลาดในเอกสาร หรือการสำแดงประเภทสินค้าที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ความล่าช้า และค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิด

ต้นทุน มักจะไม่ได้มีเพียงแค่อัตราค่าขนส่ง แต่อาจมีค่าธรรมเนียมน้ำมัน ค่าธรรมเนียมการจัดเก็บสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขนส่งแบบเร่งด่วน สำหรับคำสั่งซื้อที่ล่าช้า ซึ่งล้วนแต่กัดกร่อนกำไร ธุรกิจที่ใช้โมเดลดรอปชิป (Dropshipping) จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงเพิ่มเติม หากโรงงาน ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดเวลา

การเลือกวิธีการจัดส่งที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บางบริษัทลงทุนในซอฟต์แวร์ด้านโลจิสติกส์ หรือจ้างผู้ให้บริการภายนอก เพื่อช่วยวางแผนเส้นทางที่เหมาะสม และลดต้นทุน การเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน อาจช่วยให้เห็นว่า ซัพพลายเออร์มีประสบการณ์ด้านการส่งออกที่น่าเชื่อถือ หรือไม่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระยะเวลาในการผลิต และจัดส่ง (Lead Time) และความน่าเชื่อถือในการส่งมอบสินค้า

การเพิ่มอัตรากำไร และมูลค่าในระยะยาว

การจัดหาสินค้าโดยตรงจากโรงงาน สามารถส่งผลกระทบได้มากกว่าแค่ต้นทุนต่อหน่วย แต่ยังส่งผลต่อวิธีที่ธุรกิจใช้จัดการแบรนด์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ ล้วนส่งผลโดยตรงต่ออัตรากำไร และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ

โอกาสในการสร้างแบรนด์ และสินค้า Private Label

การทำงานร่วมกับโรงงานโดยตรง ช่วยให้ธุรกิจ สามารถสร้างสรรค์สินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง (Private Label) โดยสามารถควบคุมบรรจุภัณฑ์ โลโก้ และองค์ประกอบการออกแบบต่างๆ ได้มากขึ้น สิ่งนี้ สามารถสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจค้าส่งจากคู่แข่งที่ขายสินค้าทั่วไป (Generic) ซึ่งหาได้จาก 1688

สำหรับผู้ขายบน Amazon FBA การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้สูงขึ้น และสร้างความภักดีของลูกค้าได้ดีกว่า ภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกันในผลิตภัณฑ์ทุกรายการ จะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ ซึ่งมักจะนำไปสู่การซื้อซ้ำ

โรงงานผู้ผลิต มักมีตัวเลือกสำหรับบรรจุภัณฑ์ ฉลาก และใบแทรกสินค้าที่ออกแบบเอง ซึ่งสามารถเจรจาให้รวมอยู่ในการผลิตได้ การลงทุนสร้างแบรนด์ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต จะช่วยให้บริษัทลดความจำเป็น ในการใช้บริการจากบุคคลที่สาม และทำให้กระบวนการขนส่งราบรื่นขึ้น

แนวทางนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าในมุมมองของผู้บริโภค (Perceived Value) แต่ยังช่วยเพิ่มอัตรากำไรได้อีกด้วย เนื่องจากสินค้าที่มีแบรนด์ มักจะเผชิญกับการแข่งขันด้านราคา ที่รุนแรงน้อยกว่า

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการปรับแต่งสินค้า

โรงงานที่มีศักยภาพ ในการผลิตขั้นสูง มักจะรองรับการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ การออกแบบใหม่ หรือการปรับปรุงคุณสมบัติของสินค้าได้ ความยืดหยุ่นเช่นนี้ ทำได้ยากกว่า เมื่อสั่งซื้อผ่าน 1688 ซึ่งผู้ขาย อาจเสนอขายเพียงสินค้าสำเร็จรูป ที่มีตัวเลือกการปรับแต่งจำกัด

การปรับแต่งสินค้า ช่วยให้ธุรกิจ สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้ ตัวอย่างเช่น การปรับเปลี่ยนวัสดุ ขนาด หรือการเพิ่มฟังก์ชันที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นขึ้น ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

ประโยชน์หลักของการพัฒนาสินค้าโดยตรงกับโรงงาน

  • วงจรการพัฒนา และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อทำงานร่วมกับวิศวกรโดยตรง
  • ความสามารถในการต่อรองปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQ) สำหรับสินค้าต้นแบบ
  • การควบคุมทรัพย์สินทางปัญญา และข้อตกลง การเป็นผู้จัดจำหน่าย แต่เพียงผู้เดียวได้ดีกว่า

ด้วยการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม บริษัทสามารถตั้งราคาขายที่สูงขึ้น พร้อมทั้งลดความเสี่ยงที่จะถูกตัดราคา โดยสินค้าที่เหมือนกันทุกประการ

การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ผลิตที่เชื่อถือได้

การสร้างความสัมพันธ์โดยตรง กับผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากการซื้อขายแบบไม่ระบุตัวตนบน 1688 การจัดหาโดยตรง จะส่งเสริมความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ ทำให้การแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพ หรือระยะเวลาในการผลิตทำได้ง่ายขึ้น

ผู้ผลิตที่ให้ความสำคัญกับความเป็นหุ้นส่วนระยะยาว อาจเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่ดีขึ้น สิทธิ์ในการได้คิวผลิตก่อน หรือโอกาสในการเข้าถึงสายการผลิตใหม่ๆ ก่อนใคร การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และการเยี่ยมชมโรงงาน จะยิ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์เหล่านี้ ให้แน่นแฟ้นขึ้น ผ่านการสร้างความไว้วางใจแบบซึ่งหน้า

ความเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากความล่าช้า สินค้ามีตำหนิ หรือการเปลี่ยนแปลงราคากะทันหัน เมื่อเวลาผ่านไป ความน่าเชื่อถือนี้ จะช่วยสนับสนุนการไหลเวียนของสินค้าคงคลัง ให้มีความสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับธุรกิจที่ใช้โมเดล Amazon FBA หรืออีคอมเมิร์ซอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาระดับสต็อกสินค้าที่มั่นคง

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ