หนึ่งวันในกวางโจว – อี้อู จะหาสินค้าอะไร ที่น่าสนใจได้บ้าง ตามมาดูกันเลย

• Facebook
• Twitter
• Line

ประเด็นสำคัญ

• เรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์สูงสุด จากเวลาที่จำกัด ในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าหลัก
• ค้นพบผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ และใช้งานได้จริง ซึ่งมีศักยภาพทางการตลาดสูง
• รับกลยุทธ์ เพื่อทำให้การจัดหาสินค้า โลจิสติกส์ และการติดต่อกับซัพพลายเออร์ง่ายขึ้น

การสำรวจกวางโจว (Guangzhou) และอี้อู (Yiwu) ภายในวันเดียว อาจดูเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง แต่มันก็มอบโอกาสพิเศษ ในการค้นพบผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ การใช้งานจริง และความน่าดึงดูดในระดับสากล ตั้งแต่ตลาดการค้าอันคึกคักของกวางโจว ไปจนถึงศูนย์กลางค้าส่งขนาดมหึมาของอี้อู แต่ละจุดหมายล้วนเผยให้เห็นสินค้าที่น่าประหลาดใจ ทั้งในด้านความหลากหลาย และราคาที่ย่อมเยา คุณสามารถค้นพบเครื่องประดับแฟชั่น ของใช้ที่จำเป็นในบ้าน ของเล่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเบ็ดเตล็ดนับไม่ถ้วน ที่ทำให้การจัดหาสินค้า (sourcing) เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น และคุ้มค่า

สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์นี้ มีคุณค่า ไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณสินค้ามหาศาล แต่เป็นความสามารถในการค้นพบสินค้าที่จุดประกายแนวคิดธุรกิจใหม่ๆ หรือตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม (niche demands) กวางโจวมีเสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ และของขึ้นชื่อในท้องถิ่น ในขณะที่ศูนย์การค้าอี้อู (Yiwu Trade City) มีสินค้าเกือบทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการได้ ตั้งแต่ของตกแต่งตามฤดูกาลไปจนถึงเครื่องมือช่าง (hardware tools) เมื่อรวมกัน ทั้งสองเมืองนี้ทำให้นักเดินทาง และเจ้าของธุรกิจสามารถเข้าถึงสินค้าที่ “น่าทึ่ง” (wow products) ได้อย่างหลากหลายภายในวันเดียว

สารบัญเนื้อหา

1. วิธีใช้เวลาหนึ่งวันในอี้อู และกวางโจวให้คุ้มค่าที่สุด

• การวางแผนเส้นทางของคุณผ่านตลาดต่างๆ
• แอป และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผู้ซื้อ
• การเดินทางในเขต และโซนสินค้าต่างๆ

2. สุดยอดสินค้าน่าทึ่ง (Wow Products) ที่ต้องไปค้นพบ

• ของเล่น และเกมที่กำลังเป็นกระแส
• เครื่องเขียน และเครื่องใช้สำนักงานที่ไม่เหมือนใคร
• การค้นพบของแต่งบ้านเชิงนวัตกรรม

3. กลยุทธ์การจัดหาสินค้าที่สำคัญ สำหรับผู้ซื้อระหว่างประเทศ

• สิ่งจำเป็นในการควบคุมคุณภาพ
• ตัวเลือก OEM และการปรับแต่ง
• กรณีศึกษา : การจัดหาสินค้าที่ประสบความสำเร็จ

4. ทำความเข้าใจด้านโลจิสติกส์, การชำระเงิน และเอกสาร

• เงื่อนไขการชำระเงิน และเคล็ดลับการเจรจาต่อรอง
• วิธีการจัดส่ง : การขนส่งทางเรือ เทียบกับการขนส่งทางอากาศ
• เอกสารที่จำเป็นสำหรับการส่งออก

5. เคล็ดลับเชิงปฏิบัติ เพื่อประสบการณ์การจัดหาสินค้า (Sourcing) ที่ราบรื่น

• การสื่อสาร และแนวทางแก้ไขด้านภาษา
• การใช้ประโยชน์จากบริการ และการสนับสนุนในท้องถิ่น
• การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปในการซื้อสินค้า

นักเดินทางที่มีเวลาจำกัดในอี้อู (Yiwu) และกวางโจว (Guangzhou) จำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างความเร็ว และความแม่นยำ ควรมุ่งเน้นไปที่การวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสื่อสาร และเจรจาต่อรอง และการทำความเข้าใจว่า เขต (districts) หรือโซน (zones) ต่างๆ ถูกจัดระเบียบอย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลาอันมีค่าไปหลายชั่วโมง

ตลาดการค้าระหว่างประเทศอี้อู (Yiwu International Trade Market) ในมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang Province) แบ่งออกเป็น 5 เขต (districts) โดยแต่ละเขตเชี่ยวชาญด้านสินค้าประเภทต่างๆ ตัวอย่างเช่น เขต 1 (District 1) เน้นไปที่ของเล่น เครื่องประดับ และเครื่องประดับแฟชั่น (accessories) ในขณะที่เขต 2 (District 2) ครอบคลุมกระเป๋า ฮาร์ดแวร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เขต 3 (District 3) มีเครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา และเครื่องสำอาง การทราบแผนผังนี้ จะช่วยให้ผู้ซื้อหลีกเลี่ยงการเดินย้อนกลับไปมาโดยไม่จำเป็น

ในกวางโจว ศูนย์กลางค้าส่ง (wholesale hubs) จะกระจายตัวมากกว่า ผู้ซื้อจำนวนมากมุ่งหน้าไปยังตลาดผ้าของกวางโจว, ถนนคนเดินซ่างเซี่ยจิ่ว (Shangxiajiu Pedestrian Street) หรือถนนปักกิ่ง (Beijing Road) เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ด้วยเวลาเพียงวันเดียว การเลือกโซนเพียงสอง หรือสามแห่งที่ตรงกับความต้องการในการจัดหาสินค้า (sourcing) ที่เฉพาะเจาะจง จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการพยายามดูทุกสิ่ง

กลยุทธ์ง่ายๆ คือ การสร้างรายการประเภทสินค้าที่จัดลำดับความสำคัญไว้ก่อนเดินทางมาถึง จัดสรรช่วงเวลา เช่น 2-3 ชั่วโมงในเขต 1 (District 1) ของอี้อูสำหรับเครื่องประดับแฟชั่น จากนั้นย้ายไปยังเขต 3 (District 3) สำหรับเครื่องเขียน ในกวางโจว ให้มุ่งเน้นไปที่ย่านการค้าเพียงแห่งเดียว เพื่อลดเวลาในการเดินทาง

ภาษา และการสื่อสาร สามารถทำให้การทำธุรกรรมช้าลงได้ วีแชท (WeChat) เป็นเครื่องมือหลักในการแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อ แบ่งปันรายละเอียดสินค้า และเจรจาต่อรองราคา ทั้งในอี้อู และกวางโจว ผู้ซื้อควรติดตั้งไว้ล่วงหน้า และตั้งค่าโปรไฟล์ธุรกิจ (business profile) หากเป็นไปได้

สำหรับการแปล กูเกิล ทรานสเลท (Google Translate) หรือ ไป่ตู้ ทรานสเลท (Baidu Translate) จะช่วยเชื่อมช่องว่างเมื่อซัพพลายเออร์ไม่พูดภาษาอังกฤษ แพ็คภาษาออฟไลน์ (Offline language packs) มีประโยชน์ เนื่องจาก Wi-Fi อาจไม่เสถียรเสมอไป ภายในตลาดขนาดใหญ่

แอปนำทาง เช่น เกาเต๋อ แมปส์ (Gaode Maps หรือ Amap) หรือ ไป่ตู้ แมปส์ (Baidu Maps) ให้ทิศทางในท้องถิ่นที่แม่นยำกว่า กูเกิล แมปส์ (Google Maps) ในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ซื้อมักจะบันทึกหมายเลขแผงค้า หรือปักหมุดตำแหน่งโดยตรง ในแอปเหล่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลาดกับผู้ขาย การพกพาที่ชาร์จแบบพกพา (portable charger) จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า อุปกรณ์ต่างๆ ยังคงทำงานได้ตลอดทั้งวัน

ตลาดอี้อู มีโครงสร้างที่ออกแบบมา เพื่อประสิทธิภาพ แต่ก็ยังสามารถทำให้รู้สึกสับสนได้ (overwhelming) แต่ละเขตมีหลายชั้น และสินค้าจะถูกจัดกลุ่มตามหมวดหมู่ ตัวอย่างเช่น เขต 1 (District 1) ชั้น 2 เป็นที่ตั้งของเครื่องประดับ ในขณะที่ เขต 3 (District 3) ชั้น 4 เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอาง ป้ายภาษาอังกฤษ และจีน ช่วยให้หาทิศทางได้ง่ายขึ้น แต่การจดหมายเลขแผงค้าเป็นสิ่งจำเป็น

ในกวางโจว โซนสินค้ามีความเป็นศูนย์กลางน้อยกว่า ผู้ซื้อผ้าอาจมุ่งหน้าไปที่ตลาดผ้าจงต้า (Zhongda Fabric Market) ในขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจะกระจุกตัวอยู่ใกล้ หวงซา (Huangsha) หรือ เทียนเหอ (Tianhe) ซึ่งแตกต่างจากศูนย์รวมขนาดใหญ่แห่งเดียวของอี้อู กวางโจวจำเป็นต้องมีการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน หรือแท็กซี่ในระยะสั้นๆ ระหว่างกลุ่มคลัสเตอร์ (clusters)

การบริหารเวลาจะดีขึ้น เมื่อผู้ซื้อจดจ่อกับสินค้าเพียงหนึ่ง หรือสองประเภท แทนที่จะเดินดูสินค้ากว้างๆ การพกสมุดบันทึก หรือการใช้อัลบั้มรูปในวีแชท (WeChat photo albums) เพื่อบันทึกข้อมูลซัพพลายเออร์ จะช่วยติดตามรายละเอียดได้โดยไม่สับสน แนวทางนี้ ช่วยให้แม้การใช้เวลาเพียงวันเดียว ก็สามารถให้ผลลัพธ์การจัดหาสินค้า (sourcing) ที่มีประสิทธิภาพได้

ผู้ที่มาเยือน มักสังเกตเห็นว่า สินค้าบางประเภทในตลาดอี้อู (Yiwu Market) มีความโดดเด่นในด้านความคิดสร้างสรรค์ การใช้งานได้จริง และมีความต้องการของตลาดสูง สินค้าเหล่านี้ ผสมผสานราคาที่จับต้องได้ เข้ากับการออกแบบที่ดึงดูดใจ ทำให้เป็นที่น่าสนใจ สำหรับทั้งผู้ซื้อค้าส่ง และนักช็อปทั่วไป

ตลาดอี้อู ยังคงเป็นแหล่งรวมของเล่นที่สำคัญ โดยเฉพาะในเขต 1 (District 1) และเขต 3 (District 3) ซึ่งซัพพลายเออร์ มุ่งเน้นไปที่ของเล่นแบบดั้งเดิม และชุดของเล่น เพื่อการศึกษาสมัยใหม่ นักช็อปจะได้พบกับชุดคิท STEM (STEM kits), จิ๊กซอว์ไม้ (wooden puzzles) และตุ๊กตาผ้าขน (plush toys) ที่สร้างสมดุลระหว่างความสนุกสนาน และการเรียนรู้

รถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ และหุ่นยนต์ขนาดเล็ก ได้รับความนิยมจากคุณสมบัติการโต้ตอบ (interactive features) ผู้ปกครอง และผู้ค้าปลีก ชื่นชมที่สินค้าจำนวนมาก มีใบรับรองความปลอดภัย (safety certifications) ซึ่งทำให้เหมาะ สำหรับการจัดจำหน่ายในระดับสากล

สำหรับการอ้างอิงอย่างรวดเร็ว หมวดหมู่ทั่วไป ได้แก่:

สินค้าเหล่านี้ มีขนาดกะทัดรัด ขนส่งง่าย และเป็นที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ ในทุกภูมิภาค

เครื่องเขียนในตลาดอี้อู ซึ่งมักกระจุกตัวอยู่ที่ เขต 3 (District 3) ได้ปรับตัวตามกระแสโลกในด้านการทำงานทางไกล (remote work) และการเรียนออนไลน์ ผู้ซื้อสามารถเลือกตั้งแต่สมุดจดบันทึกรีไซเคิล, ปากกาเจลสีสันสดใส ไปจนถึงอุปกรณ์จัดระเบียบบนโต๊ะทำงาน (desktop organizers) ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริง

ความยั่งยืน (Sustainability) ถือเป็นธีมที่กำลังเติบโต สมุดที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล และปากกาที่ลบได้ จะช่วยลดขยะ ในขณะที่กระดาษโน้ตมีกาว (sticky notes) ที่มีดีไซน์สร้างสรรค์ จะช่วยเพิ่มสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (personalization) ให้กับพื้นที่ทำงาน

สินค้ายอดนิยม ได้แก่

• สมุดโน้ต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับนักเรียน และคนทำงาน
• ปากกาเจล สีสันสดใส ที่บรรจุแบบขายส่ง
• อุปกรณ์จัดระเบียบขนาดกะทัดรัด สำหรับโต๊ะทำงาน และโฮมออฟฟิศ

สินค้าเหล่านี้ มีน้ำหนักเบา ราคาไม่แพง และขายได้เร็วทั้งในร้านค้าจริง และร้านค้าออนไลน์

ของแต่งบ้าน เป็นอีกหนึ่งหมวดหมู่ ที่ตลาดอี้อู มีความหลากหลายอย่างมาก โดยเฉพาะใน เขต 1 (District 1) และ เขต 4 (District 4) ผู้นำเข้ามักมองหาต้นไม้ประดิษฐ์, ไฟ LED แบบเส้น (LED string lights) และแจกันตกแต่ง ที่ผสมผสานต้นทุนต่ำ เข้ากับรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตา

เชิงเทียนสไตล์มินิมอล และสติกเกอร์ติดผนัง (wall decals) ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เนื่องจากขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เล็ก และง่ายต่อการขนส่ง สินค้าเหล่านี้ ตอบสนองต่อเทรนด์การออกแบบตกแต่งภายใน ในปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

ตัวอย่างของแต่งบ้านที่เป็นที่ต้องการสูง ได้แก่

• ไฟ LED สำหรับงานปาร์ตี้ และห้องนอน
• ต้นไม้สีเขียวประดิษฐ์ สำหรับการตกแต่ง ที่ไม่ต้องดูแลรักษามาก
• ศิลปะบนผนัง (Wall art) ที่เหมาะกับอพาร์ตเมนต์สมัยใหม่

เนื่องจากความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย (versatility) สินค้าเหล่านี้ จึงขายดีทั้งในช่องทางค้าปลีก (retail) และอีคอมเมิร์ซ (eCommerce) ทำให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้ สำหรับผู้ซื้อ

ผู้ซื้อที่จัดหาสินค้า (sourcing) จากกวางโจว (Guangzhou) หรืออี้อู (Yiwu) มักมุ่งเน้นไปที่สามด้านสำคัญ : การสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าที่สม่ำเสมอ, การสำรวจโอกาสในการทำ OEM และการปรับแต่ง (customization) และการเรียนรู้จากตัวอย่างการจัดหาสินค้าจริง การใส่ใจในพื้นที่เหล่านี้ ช่วยลดความเสี่ยง ปรับปรุงความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามมาตรฐานตลาด

การควบคุมคุณภาพ (Quality control) เริ่มต้นก่อนการสั่งซื้อ ผู้ซื้อควรขอตัวอย่าง (samples) เพื่อตรวจสอบข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ (product specifications) ความทนทาน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบในท้องถิ่น (local regulations) การตรวจสอบตัวอย่าง มักจะช่วยป้องกันความผิดพลาดที่มีราคาสูง ในการจัดส่งสินค้าจำนวนมาก (bulk shipments)

ผู้ซื้อต่างชาติจำนวนมาก ยังจ้างบริการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม (third-party inspection services) ในประเทศจีน บริการเหล่านี้ จะทำการตรวจสอบก่อนการจัดส่ง (pre-shipment inspections), การตรวจสอบระหว่างกระบวนการผลิต (in-process checks) และการตรวจสอบโรงงาน (factory audits) การตรวจสอบโดยหน่วยงานอิสระ ช่วยให้มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ตรงตามมาตรฐานที่ตกลงกันไว้ ก่อนที่จะออกจากคลังสินค้าของซัพพลายเออร์

สำหรับผู้ที่ขายผ่าน Amazon FBA การควบคุมคุณภาพยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ข้อกำหนดที่เข้มงวดของ Amazon เกี่ยวกับการติดฉลาก (labeling), บรรจุภัณฑ์ (packaging) และความปลอดภัย (safety) อาจนำไปสู่การปฏิเสธการจัดส่ง (rejected shipments) หากถูกละเลย การใช้บริการเตรียมสินค้า FBA (Amazon FBA prep service) ในประเทศจีน สามารถช่วยให้กระบวนการปฏิบัติตามข้อกำหนด (compliance) ราบรื่นขึ้น โดยการตรวจสอบบาร์โค้ด, บรรจุภัณฑ์ และการติดฉลากบนกล่อง (carton labeling) ก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกไป

การสื่อสารที่ชัดเจนกับซัพพลายเออร์ ช่วยลดความเข้าใจผิด ผู้ซื้อควรระบุข้อกำหนดโดยละเอียด (detailed specifications) รวมถึงวัสดุ, ขนาด และข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์เป็นลายลักษณ์อักษร ใบสั่งซื้อ (purchase order) หรือสัญญาที่เป็นสองภาษา จะช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด ที่เกิดจากอุปสรรคทางภาษาได้

การผลิตแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่ง (customized products) ภายใต้แบรนด์ของตนเองได้ ซัพพลายเออร์ในอี้อู และกวางโจว มักเสนอข้อกำหนด MOQ (minimum order quantity หรือ ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ) ที่ยืดหยุ่น ทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง สามารถทดสอบการออกแบบใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น

ตัวเลือกในการปรับแต่ง มีตั้งแต่การพิมพ์โลโก้, การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด (full product modifications) ตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อที่จัดหาสินค้าเครื่องครัว อาจขอเปลี่ยนแปลงการออกแบบด้ามจับ, สี หรือวัสดุ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

ระยะเวลา สำหรับโครงการ OEM นั้นแตกต่างกันไป การติดโลโก้ง่ายๆ อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ในขณะที่การออกแบบใหม่ทั้งหมด อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน ผู้ซื้อควรคำนึงถึงต้นทุนแม่พิมพ์ (mold costs), ขั้นตอนการอนุมัติตัวอย่าง และระยะเวลาในการผลิต (production lead times) เมื่อวางแผน

เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property) ผู้ซื้อควรจดเครื่องหมายการค้า (trademarks) ในตลาดเป้าหมายของตน และหากเป็นไปได้ ก็ควรจดในประเทศจีน ด้วย สัญญาที่ชัดเจน ซึ่งระบุความเป็นเจ้าของแม่พิมพ์ และการออกแบบ จะช่วยป้องกันข้อพิพาทกับผู้ผลิตได้

ผู้ค้าปลีกขนาดกลางรายหนึ่ง ที่จัดหาสินค้า เกี่ยวกับของใช้จัดระเบียบในบ้าน (home organization products) จากอี้อู เป็นตัวอย่างของการจัดซื้อจัดจ้าง (procurement) ที่มีประสิทธิภาพ ผู้ซื้อเริ่มต้นด้วยการสั่งซื้อทดลอง (trial orders) จำนวนน้อย เพื่อทดสอบความน่าเชื่อถือของซัพพลายเออร์ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หลังจากยืนยันความสม่ำเสมอได้แล้ว พวกเขาจึงขยายไปสู่การสั่งซื้อจำนวนมาก (bulk orders) ด้วยราคาที่เจรจาต่อรองได้

บริษัทได้ทำงานร่วมกับบริการเตรียมสินค้า FBA (Amazon FBA prep service) เพื่อให้แน่ใจว่า ผลิตภัณฑ์ตรงตามมาตรฐานบรรจุภัณฑ์ และการติดฉลากของ Amazon ซึ่งช่วยลดความล่าช้าที่ศูนย์กระจายสินค้า (fulfillment centers) และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

ด้วยการใช้ประโยชน์จากตัวเลือก OEM ผู้ค้าปลีกรายนี้ ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์กล่องเก็บของแบบฉลากส่วนตัว (private-label) ที่มีสี และบรรจุภัณฑ์ที่กำหนดเอง ความแตกต่างนี้ ช่วยให้พวกเขาโดดเด่นในตลาด Amazon ที่มีการแข่งขันสูง (crowded marketplace)

ขั้นตอนสำคัญในความสำเร็จของพวกเขา ประกอบด้วย

• การทดสอบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยตัวอย่าง
• การตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ก่อนการจัดส่ง
• การสร้างแบรนด์ OEM เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด
• การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ FBA ผ่านบริการเตรียมสินค้าในท้องถิ่น (local prep service)

แนวทางที่มีแบบแผนนี้ ช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถขยายขนาดธุรกิจ (scale) ได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงในการจัดหาสินค้า (sourcing risks)

เมื่อจัดหาสินค้าจากกวางโจว (Guangzhou) หรืออี้อู (Yiwu) ผู้ซื้อต้องจัดการกับสามประเด็นหลักในทางปฏิบัติ : วิธีการกำหนดโครงสร้างการชำระเงินกับซัพพลายเออร์, วิธีการเลือกวิธีการจัดส่งที่เหมาะสมที่สุด และเอกสารที่จำเป็น สำหรับการดำเนินพิธีการศุลกากร (customs clearance) แต่ละขั้นตอนส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุน, เวลาในการจัดส่ง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ

ซัพพลายเออร์ในกวางโจว และอี้อู มักยอมรับการชำระเงินแบบ T/T (telegraphic transfer) หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร โดยชำระล่วงหน้า 30% เป็นเงินมัดจำ และส่วนที่เหลือ (balance) จะชำระก่อนการจัดส่งสินค้า ผู้ซื้อรายใหญ่อาจเจรจาต่อรองเป็น L/C (Letter of Credit) หรือการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แม้ว่าวิธีนี้ จะต้องใช้เอกสารมากขึ้น และมีค่าธรรมเนียมธนาคารที่สูงกว่า

สำหรับการสั่งซื้อจำนวนน้อย ซัพพลายเออร์บางรายอาจยอมรับ เพย์พาล (PayPal) หรือ เวสเทิร์น ยูเนี่ยน (Western Union) แต่วิธีการเหล่านี้ มักมีค่าธรรมเนียม การทำธุรกรรมที่สูงกว่า ผู้ซื้อควรยืนยันว่า ราคานี้ รวมใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT invoices) ด้วย หรือไม่ เนื่องจากสิ่งนี้ ส่งผลต่อต้นทุนรวมจนถึงปลายทาง (total landed cost)

การเจรจาต่อรอง มักจะมุ่งเน้นไปที่ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQs), ราคาต่อหน่วย และกำหนดการชำระเงิน ผู้นำเข้าที่มีประสบการณ์ มักจะขอสั่งซื้อตัวอย่างสินค้า (sample orders) ก่อนที่จะตกลงสั่งผลิตเต็มจำนวน การมีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ซึ่งระบุเงื่อนไขการชำระเงิน จะช่วยลดความเสี่ยง และป้องกันความเข้าใจผิดได้

การขนส่งทางเรือ (Sea freight) เป็นวิธีที่พบบ่อยที่สุด สำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก (bulk orders) มีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำกว่า แต่ต้องใช้เวลาขนส่งนานกว่า โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 20-40 วัน ขึ้นอยู่กับท่าเรือปลายทาง เหมาะที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่, น้ำหนักมาก หรือไม่เร่งด่วน

การขนส่งทางอากาศ (Air freight) ให้การจัดส่งที่รวดเร็วกว่ามาก โดยทั่วไปภายใน 5-10 วัน แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็ก, มีมูลค่าสูง หรือมีความอ่อนไหวต่อเวลา (time-sensitive) ผู้ซื้อยังสามารถพิจารณาใช้บริการขนส่งด่วน (express couriers) เช่น ดีเอชแอล (DHL) หรือ เฟดเอ็กซ์ (FedEx) สำหรับพัสดุขนาดเล็ก แม้ว่าอัตราค่าบริการจะสูงกว่าการขนส่งทางอากาศแบบมาตรฐาน (standard air cargo)

การเปรียบเทียบแบบเทียบเคียง (side-by-side) จะช่วยให้เห็นภาพดังนี้

การดำเนินพิธีการศุลกากร ที่ราบรื่น ขึ้นอยู่กับเอกสารที่ถูกต้องแม่นยำ ใบกำกับสินค้าพาณิชย์ (Commercial invoice) จะระบุรายละเอียดสินค้า ราคา และข้อมูลผู้ซื้อ-ผู้ขาย ใบรายการบรรจุหีบห่อ (Packing list) จะระบุน้ำหนัก ขนาด และจำนวนกล่อง ช่วยให้ผู้รับจัดการขนส่งสินค้า (freight forwarders) และเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบยืนยันการขนส่งได้

ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of origin) อาจจำเป็นต้องใช้ เพื่อรับสิทธิ์อัตราภาษี ที่ลดลง ภายใต้ข้อตกลงทางการค้า สำหรับการขนส่งทางทะเล ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of lading) ทำหน้าที่เป็นหลักฐานการขนส่ง สำหรับการขนส่งทางอากาศ เอกสารที่เทียบเท่ากันคือ ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air waybill)

ผู้นำเข้าควรยืนยันกับผู้รับจัดการขนส่งสินค้า (freight forwarder) ของตนว่า เอกสารใดบ้าง ที่จำเป็นสำหรับประเทศปลายทาง เอกสารที่ขาดหายไป หรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สามารถทำให้การขนส่งล่าช้า และเพิ่มต้นทุนได้ การทำงานร่วมกับตัวแทนจัดหาสินค้า (sourcing agent) หรือพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ (logistics partner) ที่มีประสบการณ์ จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ ได้อย่างมาก

การเดินทางไปกวางโจว (Guangzhou) หรืออี้อู (Yiwu) จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวด้านการสื่อสาร การสนับสนุนในท้องถิ่น และการบริหารความเสี่ยง ผู้ซื้อที่วางแผนล่วงหน้า ด้วยเครื่องมือ และบริการที่เหมาะสม มักจะประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาด และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

อุปสรรคด้านภาษา (Language barriers) ยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ แม้ว่าซัพพลายเออร์จำนวนมากในอี้อู และกวางโจว จะมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่การพึ่งพาสิ่งนี้ เพียงอย่างเดียว อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ การใช้วีแชท (WeChat) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่นิยมใช้มากกว่าอีเมล สำหรับการอัปเดตด่วน การเสนอราคา และรูปภาพสินค้า

สำหรับการสนทนาสด แอปแปลภาษา เช่น กูเกิล ทรานสเลท (Google Translate) จะช่วยเชื่อมช่องว่าง (bridge gaps) ผู้ซื้อควรเตรียมข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ (product specifications) ที่สำคัญไว้ ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน การพิมพ์รายละเอียดทางเทคนิค หรือข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์เป็นภาษาจีน ยังสามารถป้องกันข้อผิดพลาด ที่มีราคาสูงได้

การจ้างล่ามท้องถิ่น (local interpreter) เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างการเยี่ยมชมโรงงานในเซินเจิ้น (Shenzhen) หรือการเจรจาในตลาดค้าส่ง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความชัดเจน เมื่อหารือเกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อน เช่น การปฏิบัติตามข้อกำหนด (compliance), การรับรอง (certifications) หรือบรรจุภัณฑ์ที่กำหนดเอง (custom packaging) การสื่อสารที่ชัดเจน จะช่วยลดความล่าช้า และสร้างความไว้วางใจกับซัพพลายเออร์

บริการในท้องถิ่น สามารถช่วยให้การจัดหาสินค้า และโลจิสติกส์ (logistics) มีความคล่องตัวขึ้น ผู้ซื้อจำนวนมากใช้บริการเตรียมสินค้า FBA ของ Amazon (Amazon FBA prep services) ในประเทศจีน เพื่อจัดการเรื่องการติดฉลาก (labeling), การมัดรวมสินค้า (bundling) และบรรจุภัณฑ์ ก่อนที่สินค้าจะถูกจัดส่ง ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาด และทำให้มั่นใจได้ว่า สินค้าตรงตามข้อกำหนดของตลาด (marketplace requirements)

บริษัทตรวจสอบ (Inspection agencies) ในอี้อู และกวางโจว มีบริการตรวจสอบคุณภาพ ณ สถานที่ (on-site quality checks) ซึ่งช่วยยืนยันว่า คำสั่งซื้อจำนวนมาก (bulk orders) ตรงกับตัวอย่างที่อนุมัติ ผู้ซื้อที่ข้ามขั้นตอนนี้ มักจะประสบปัญหากับความสม่ำเสมอของคุณภาพสินค้า

ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics providers) ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน การทำงานกับผู้รับจัดการขนส่งสินค้า (forwarder) ที่คุ้นเคยกับขั้นตอนการส่งออก จะช่วยประหยัดเวลาที่ศุลกากร และหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจัดเก็บที่ไม่ได้คาดคิด ตัวแทนจัดหาสินค้า (sourcing agents) บางรายเสนอบริการแบบเหมารวม (bundled services) ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบซัพพลายเออร์, การรวบรวมคำสั่งซื้อ (order consolidation) และการประสานงานด้านการจัดส่ง ซึ่งอาจมีคุณค่าอย่างยิ่ง สำหรับผู้นำเข้าครั้งแรก

ข้อผิดพลาดในการจัดหาสินค้าจำนวนมาก เกิดจากการรีบตกลงซื้อขาย โดยไม่มีการตรวจสอบที่เหมาะสม ผู้ซื้อควรขอตัวอย่าง (samples) เสมอ ก่อนที่จะตกลงสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก การเปรียบเทียบตัวอย่าง จากซัพพลายเออร์หลายราย ช่วยให้เห็นความแตกต่างในด้านคุณภาพ และฝีมือการผลิต

การเจรจาต่อรองราคาเป็นเรื่องปกติ แต่การมุ่งเน้นไปที่ราคาต่ำสุด เพียงอย่างเดียว อาจส่งผลย้อนกลับ (backfire) ข้อเสนอที่ต่ำมาก อาจนำไปสู่การใช้วัสดุทดแทน (substitutions in materials) หรือความล่าช้าในการผลิต (delays in production) แทนที่จะทำเช่นนั้น ผู้ซื้อควรสร้างสมดุลระหว่างต้นทุน และความน่าเชื่อถือของซัพพลายเออร์

ข้อผิดพลาดทั่วไปอีกประการหนึ่ง คือ การเพิกเฉยต่อปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQs หรือ Minimum Order Quantities) ซัพพลายเออร์บางรายอาจลด MOQ ให้สำหรับลูกค้ารายใหม่ แต่ผู้ซื้อต้องยืนยันเรื่องนี้เป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาที่ชัดเจน ซึ่งครอบคลุมกำหนดการส่งมอบ, เงื่อนไขการชำระเงิน และการสนับสนุนหลังการขาย (after-sales support) จะช่วยลดความเสี่ยง และทำให้ข้อพิพาทต่างๆ แก้ไขได้ง่ายขึ้น